พระราชประวัติโดยสังเขป
พระบาทสมเด็จ
พระปรเมนทรมหามกุฎพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ( พ.ศ.
2394-2411 )
ทรงมีพระนามเดิมว่า
เจ้าฟ้ามงกุฎสมมติเทวาวงศ์ เป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
กับสมเด็จพระศรีสุริเยนทราบรมราชินี
--------------------------------------------------------------------------------
เมื่อสมเด็จพระบรมชนกนาถเสด็จสู่สวรรคาลัยนั้น
พระองค์ยังทรงผนวชเป็นพระภิกษุอยู่ในระหว่างที่ทรงผนวชอยู่นั้นได้เสด็จออกธุดงค์ไปยังหัวเมืองต่างๆ
ทำให้ทรงคุ้นเคยกับสภาพความเป็นอยู่ของเหล่าอาณาประชาราษฎร์อย่างแท้จริง
พระองค์ทรงมีพระปรีชาสามารถด้านวิชาภาษาต่างประเทศอย่างแตกฉาน
ทำให้พระองค์ทรงมีความรอบรู้เท่ากันต่อเหตุการณ์ของโลกตะวันตกเป็นอย่างดี
เท่ากับการเตรียมพระองค์สำหรับเป็นพระเจ้าแผ่นดินที่ทันสมัย
สามารถนำประเทศชาติผ่านพ้นจากภัยของลัทธิล่าอาณานิคมของชาติมหาอำนาจตะวันตกได้
ในรัชกาลของพระองค์
การดำเนินวิเทโศบายอย่างชาญฉลาด เพราะทรงทราบผลจากการที่ประเทศเพื่อนบ้านไม่ยอมประนีประนอมในการติดต่อกับประเทศมหาอำนาจ
ทำให้ถูกบังคับจนถึงกับเสียเอกราชไป สำหรับประเทศไทยหากไม่มีพระมหากษัตริย์ผู้รอบรู้ชั้นเชิงทางการเมืองและเท่าทันในรัฐประศาสโนบาย
ก็คงจะต้องตกเป็นเมืองขึ้นแก่ประเทศนักล่าอาณานิคมเช่นกันโดยแน่แท้
พระองค์ทรงยินยอมทำสนธิสัญญาการค้าแม้จะเสียเปรียบในเรื่องสิทธิสภาพนอกอาณาเขตบ้างก็ตาม
คือ สถานกงสุลต่างประเทศ มีอำนาจฯศาลพิจารณาคดีคนในบังคับของตนได้และถูกจำกัดอัตราภาษีศุลกากร
ทั้งนี้เพื่อความคงอยู่เอกราชของชาติ และทรงมองการณ์ไกล โดยส่งเสริมการค้า
เศรษฐกิจที่จะเจริญรุ่งเรืองต่อไปในภายหน้าได้อย่างถูกต้อง เช่น
การยอมเลิกระบบการค้าผูกขาดของทางราชการ เปิดการค้าเสรี มีการส่งสินค้าไปขายต่างประเทศมากขึ้น
ทำให้เศรษฐกิจส่วนรวมของประเทศดีขึ้น
นอกจากนั้น
การติดต่อค้าขายกับประเทศตะวันตก ทำให้เกิดผลพลอยได้ด้านอารยธรรม
ความเจริญก้าวหน้าทางเทคนิคใหม่ๆ พระองค์ทรงยอมรับอารยธรรมต่างๆมาใช้เป็นครั้งแรก
เช่น การสำรวจทำแผนที่พระราชอาณาจักร การฝึกหัดทหารแบบยุโรป
การต่อเรือกลไฟ การนำเครื่องจักรกลมาใช้เป็นประโยชน์ทุ่นแรง
ตั้งโรงงานทำเหรียญกษาปณ์ โรงสีข้าว โรงเลื่อยไม้ด้วยเครื่องจักรและตั้งโรงพิมพ์หนังสือราชกิจจานุเบกษา
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
เป็นพระมหากษัตริย์ที่นอกจากทรงแตกฉานในวิชาภาษอังกฤษแล้ว ยังมีพระวิญญาณเป็นนักวิทยาศาสตร์อีกด้วย
โดยเฉพาะทรงสนพระราชหฤทัยในวิชาดาราศาสตร์ ถึงขั้นสามารถพยากรณ์การเกิดสุริยุปราคาไว้ล่วงหน้าเป็นปีได้อย่างแม่นยำและละเอียดถูกต้อง
จนสมาคมนักวิทยาศาสตร์ไทยถือว่าวันมีสุริยุปราคาที่ตำบาลหว้ากอ
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ครั้งนั้นเป็นวันวิทยาศาสตร์ไทย
พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงบำเพ็ญทศพิธราชธรรมได้อย่างบริบูรณ์
ทรงสอดส่องการปฏิบัติงานของข้าราชการอย่างใกล้ชิด มิให้เบียดเบียนประชาชน
ใครมีเรื่องทุกข์ร้อนอย่างใด ก็สามารถเขียนฎีกามาร้องทุกข์ถวายต่อพระองค์ได้
พระราชทานเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน ด้วยการยินยอมให้ออกหนังสือพิมพ์
เป็นต้น
ในรัชกาลนี้
มีการพัฒนาศิลปวัฒนธรรมไทยอย่างเป็นปึกแผ่น เช่น การให้สิทธิแก่ประชาชนทั้งด้านแสวงหาความบันเทิงทุกชนิด
พระราชทานอนุญาตให้ประชาชนเล่นดนตรีไทยและละครผู้หญิงได้ ดังปรากฏในหมายประกาศเมื่อปี
พ.ศ.2398 ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน การแสดงละครชายจริงหญิงแท้เริ่มมีเป็นครั้งแรกในสมัยรัชกาลของพระองค์นี้เอง
จึงเป็นที่นิยมแพร่หลายไปทั่วพระราชอาณาจักร มีนักดนตรีเอก ปรากฏชื่อเสียงหลายท่าน
ซึ่งบางท่านได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็นขุนนางด้วยความสามารถทางดนตรีโดยเฉพาะ
เช่น ท่านครูมีแขกได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์สูงถึงชั้นพระประดิษฐ์ไพเราะเจ้าของเพลง
แขกมอญ ทยอยนอก ทยอยเขมร การระเวก แขกบรเทศ กำศรวลสุรางค์ เทพรัญจวน
ทะแยแป๊ะ พญาโศก พระอาทิตย์ชิงดวง พญาครวญ สี่บท ภิรมย์สุรางค์
ฯลฯ นอกจากนั้น ก็มีครูทั่ง และครูช้อย สุนทรวาทิน เจ้าของเพลง
แขกลพบุรี ใบ้คลั่ง เขมรโพธิสัตว์ แขกโอด เขมรราชบุรี เป็นต้น
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
โปรดเกล้าฯ ให้ขยายกรุงให้กว้างขวางยิ่งขึ้น โดยขุดคลองผดุงกรุงเกษมและสร้างป้อมระยะห่างประมาณ
500 เมตร 8 ป้อม คือ
1. ป้อมปัจจามิตร
2. ป้อมปิดปัจจนึก
3. ป้อมฮึกเหี้ยมหาญ
4. ป้อมผลาญไพรี (ที่ตลาดหัวลำโพง)
5. ป้อมปราบศัตรูพ่าย
6. ป้อมทำลายแรงปรปักษ์
7. ป้อมหักดัสกร
8. ป้อมพระนครรักษา
สรุปเหตุการณ์สำคัญในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
พ.ศ.2394
เสด็จขึ้นครองราชย์สมบัติ , เริ่มให้ข้าราชการสวมเสื้อเวลาเข้าเฝ้า,
มีพระราชดำริให้ขุดคูคลองพระนครชั้นนอก (คลองผดุงกรุงเกษม)
พ.ศ.
2395 งานพระเมรุรัชกาลที่ 3, แต่งราชทูตไทยไปเจริญทางพระราชไมตรีกับเมืองจีน,
โปรดฯ ให้สร้างป้อม สร้างกำแพงเมือง พระราชทานชื่อป้อมต่างๆไว้ก่อนสร้างเสร็จ,
บรรจุดวงพระชะตาพระนครใหม่ เพราะหลักเมืองเดิมชำรุด, สมณทูตไทยไปลังกาทวีป,
คณะมิชชันนารีอเมริกันตั้งโรงเรียนราษฎร์ขึ้น
พ.ศ.
2396 โปรดฯ ให้สร้างเรือกระทงลอยพระประทีป สร้างพระเจดีย์และถวายพระนาม,
พระประธานในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม สร้างสระปทุมวันและวัดปทุมวนาราม,
กองทัพไทยไปตีเมืองเชียงตุงของพม่า แต่ไม่สำเร็จ นับเป็นสงครามระหว่าง,
ไทยกับพม่าครั้งสุดท้าย, ออกหมายหรือ เงินกระดาษ หลายราคา
นำออกใช้แทนเงินตราเป็นครั้งแรก
พ.ศ.
2397 เซอร์จอห์น เบาว์ริง ได้รับแต่งตั้งเป็นราชทูตจากสมเด็จพระนางเจ้าวิคตอเรีย,
พระบรมราชินีแห่งบริเตนใหญ่เข้ามาเจริญพระราชไมตรี โปรดเกล้าฯ
ให้เตรียมการต้อนรับ, โปรดฯให้สร้างพระอภิเนาวนิเวศน์ และฉลองคลองคูพระนครชั้นนอก
พ.ศ.
2398 เซอร์ จอห์น เบาว์ริง ถวายเครื่องราชบรรณาการ และทำหนังสือสนธิสัญญากันใหม่,
โปรดฯ ให้ฉลองวัดเขมาภิรตาราม, มิสเตอร์ฮัมริปัก ซึ่งเคยเข้ามากับเซอร์
จอห์น เบาว์ริง ได้กลับเข้ามาอีกครั้งหนึ่ง , เพื่อถวายพระราชสาสน์และเครื่องราชบรรณาการอันสำคัญอย่างหนึ่ง
คือ ขบวนรถไฟ, พร้อมรางจำลอง (เป็นต้นเหตุกำเนิดกิจการ รถไฟในสมัยรัชกาลต่อมา)
พร้อมกับ, มีการแก้ไขสนธิสัญญากันใหม่อีกครั้งด้วย)
พ.ศ.
2399 ทำสนธิสัญญาใหม่กับสหรัฐอเมริกาและฝรั่งเศส,
พ.ศ.2400
โปรดฯ ให้ราชทูตไทยไปประเทศอังกฤษ, สร้างสวนนันทอุทยาน (สวนอนันตอุทยาน),
ผลิตเหรียญกษาปณ์ใช้แทนเหรียญพดด้วงเป็นครั้งแรก, ขุดคลองมหาสวัสดิ์
พระราชทานที่ให้ชาวต่างประเทศตั้งห้าง, กำเนิดเครื่องราชอิสริยาภรณ์รุ่นแรกของไทย,
เสด็จประพาสหัวเมืองตะวันออก และเริ่มสร้างกำปั่นรบกลไฟ
พ.ศ.
2401 โปรดฯ ให้ตั้งกรมอรสุมพล ซึ่งถือเป็นต้นกำเนิดกองทัพเรือไทย,
ออกหนังสือราชกิจจานุเบกษาเป็นครั้งแรก, ปรากฏการณ์ดาวหางขึ้นประมาณ
15 วัน, ฝรั่งเศสทำสงครามกับญวน
พ.ศ.2402
โปรดฯ ให้จัดงานเฉลิมพระมหามณเฑียรพระที่นั่งอนันตสมาคม, สร้างพระที่นั่งประพาสพิพิธภัณฑ์,
สร้างประตูกำแพงพระบรมมหาราชวังชั้นนอก, เสด็จประพาสหัวเมืองทะเลตะวันตก,
ญวนเริ่มเสียเมืองแก่ฝรั่งเศส
พ.ศ.2403
ตั้งโรงกษาปณ์สิทธิการ, สมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จประพาสหัวเมืองปักษ์ใต้,
ทูตฮอลันดาเข้ามาเจริญทางพระราชไมตรี, ราชทูตไทยไปฝรั่งเศส,
สมโภชพระสมุทรเจดีย์, เสด็จนมัสการพระพุทธบาทสระบุรี
พ.ศ.2404
สุลต่านมะหมุด เจ้าเมืองลิยาเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร, ทูตรัสเซียเข้ามาทำหนังสือสัญญาทางพระราชไมตรี,
โปรดฯ ให้ตัดถนนใหม่ 3 สาย ขุดคลองและสร้างสะพานข้ามคลอง, ครั้งแรกมีตำรวจพระนครบาล,
โปรดฯ ให้ส่งสิ่งของไปร่วมแสดงในงานพิพิธภัณฑ์นานาชาติที่ลอนดอน
พ.ศ.2405
เจ้าเมืองปัตตาเวียเข้ามาเปลี่ยนหนังสือสัญญาฮอลันดา, นางแอนนา
เลียวโนเวนส์ เข้ามารับราชการเป็นครูสอนภาษาอังกฤษในราชสำนัก
พ.ศ.2406
พระเจ้ากรุงฝรั่งเศสถวายเครื่องราชอิสริยยศ, เสด็จประพาสหัวเมืองปักษ์ใต้,
สร้างถนนบำรุงเมือง ถนนเฟื่องนคร, สร้างพระบรมบรรพต
พ.ศ.2407
สร้างวัดราชประดิษฐ์,น้ำป่าหลากมาจากเหนือเข้ากรุงเทพฯ มีสีแดงเหมือนน้ำปูน,
เสด็จประพาสเมืองราชบุรี และกาญจนบุรี
พ.ศ.2408
สมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคต,
พ.ศ.2409
ทำแผนที่อาณาเขตทางหัวเมืองลำแม่น้ำโขง, สร้างพระราชวังสราญรมย์,
เสด็จเมืองพิษณุโลก,
พ.ศ.2410
จำลองนครวัด ไว้ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม, ทูตโปรตุเกส เจริญสัมพันธไมตรี
พ.ศ.2411
เสด็จฯ สวรรคต 1 ตุลาคม ขณะพระชนมายุ 63 พรรษา รวมเวลาเสวยราชย์
17 ปี 5 เดือน 29 วัน