ในมาตรา ๔๕ แห่งพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๐๕ บัญญัติไว้ว่า "ให้ถือว่าพระภิกษุซึ่งได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในการปกครองคณะสงฆ์และไวยาวัจกรเป็นเจ้าพนักงานตามความในประมวลกฎหมายอาญา"
ดังนั้น การบริหารงานของเจ้าอาวาส เจ้าคณะและไวยาวัจกรในหน้าที่นั้น
ๆ จึงเป็นการบริหารงานในฐานะเจ้าพนักงาน ดังเช่นข้าราชการบริหารงานราชการแผ่นดิน
กฎหมายดังกล่าวเป็นฐานรองรับอำนาจอย่างสมบูรณ์ การปฏิบัติงานราชการแผ่นดินนั้น
ในระดับกระทรวง ทบวง กรม เมื่อเปลี่ยนแปลงหัวหน้างาน มีการมอบงานในหน้าที่นั้น
ๆ จึงทำให้งานสืบต่อไม่ขาดระยะ งานไม่สะดุดหยุดลง แต่การปฏิบัติงานคณะสงฆ์
ไม่ค่อยมีการมอบงานเป็นกิจลักษณะ แม้จะมีอยู่บ้างก็ยังไม่เป็นระบบเดียวกัน
อาจเนื่องมาจากเหตุที่งานคณะสงฆ์นั้น เจ้าคณะต่าง ๆ ต้องจัดหาอุปกรณ์เอง
ใช้วัดของตนเป็นสำนักงาน เปลี่ยนแปลงเจ้าคณะแต่ละครั้ง ก็ต้องเริ่มจัดหาอุปกรณ์กันใหม่
เมื่อพ้นจากตำแหน่ง จึงมิได้มอบของใด ๆ เพราะถือว่าเป็นของจัดหาเอง
ความจริงนั้น มิได้มีบทบัญญัติให้มอบงานเมื่อพ้นจากตำแหน่งหน้าที่
จะมีบทบัญญัติเกี่ยวกับการมอบงานเฉพาะเรื่องไวยาวัจกร แต่ถึงกระนั้น
ในทางปฏิบัติควรได้มีการมอบงานในหน้าที่เจ้าอาวาส เจ้าคณะ และหน้าที่ไวยาวัจกร
จึงกำหนดข้อควรศึกษาไว้เป็น ๕ คือ.-
๑. งานที่ต้องส่งมอบ
งานที่ต้องส่งมอบพอกล่าวโดยประเภท ได้แก่ เงินทรัพย์สิน ตราประจำตำแหน่ง
(ถ้ามี) งานค้างและดำเนินการอยู่ งานรอปฏิบัติ อุปกรณ์สำนักงาน และอื่น
ๆ
๒. กรณีที่ต้องมอบ
ได้แก่ ในกรณีที่ผู้ดำรงตำแหน่งอยู่ก่อนพ้นจากตำแหน่งหน้าที่ เพราะเหตุใด
ๆ หรือเพราะถึงมรณภาพหรือตาย
๓. ผู้ส่งมอบ
ได้แก่เจ้าอาวาส ผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาส เจ้าคณะหรือผู้รักษาการแทนเจ้าคณะหรือไวยาวัจกร
ซึ่งพ้นจากตำแหน่งนั้น ๆ เฉพาะกรณีถึงมรณภาพหรือตาย ให้เลขานุการหรือพระภิกษุผู้ช่วยงาน
หรือถ้าผู้นั้นเป็นไวยาวัจกร ก็ให้ทายาทเป็นผู้มอบแทน
๔. ผู้สั่งให้มอบ
ถ้ากรณีที่เจ้าอาวาส เจ้าคณะ หรือไวยาวัจกรพ้นจากตำแหน่ง ผู้บังคับบัญชาใกล้ชิดเป็นผู้สั่งมอบงาน
๕. แบบรายงานส่งและรับมอบงาน
เพื่อเป็นแนวการศึกษาและปฏิบัติได้กำหนดแบบรายงานส่งและรับมอบงานขึ้น
ดังต่อไปนี้
(ดูตัวอย่างประกอบ)
|