ผู้ที่เคยไปนมัสการสังเวชนียสถาน
ในประเทศอินเดียและเนปาล นอกจากจะได้ปฏิบัติตามพระดำรัสของพระพุทธเจ้าซึ่งตรัสไว้ในคืนปรินิพพาน
และได้ถวายสังฆทาน ทอดผ้าป่าสามัคคี ไหว้พระ สวดมนต์ ฟังธรรมบรรยาย
เจริญภาวนา ปฏิบัติธรรมแล้ว ยังได้รับททราบข้อมูลและสาระต่าง ๆ มากมาย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสาระพัดประโยชน์ที่ได้รับจากวัวของชาวอินเดีย
ชาวอินดียถือว่าคนมีวัวคือคนร่ำรวย
(อินเดียมีวัวกว่า 280 ล้านตัว) นอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง
ความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ ความอุดมสมบูรณ์ ฯลฯ ในสังคมคนอินเดียยังเลี้ยงวัวเพื่อกินนม
และเลี้ยงลูกเพื่อขายอีกด้วย ใช้ไถนา ขนส่ง และเดินทาง มีนมให้เป็นอาหาร
ออกลูกขายได้อีก วัว ในทางความคิดของคนอินเดีย ถือว่ามันเป็นสัตว์ที่ให้คุณค่าที่สุด
ช่วยให้ครอบครัว สังคมและประเทศชาติของเขามีความสุข เลี้ยงดูง่าย ให้ประโยชน์มากมาย
เช่น (แค่เช่นเท่านั้น ที่จริงแล้วมีมากกว่านี้)
1.วัวให้น้ำนม
ชาวอินเดียถือว่าเป็นนมคุณภาพดีและสดกว่าที่จะซื้อจากตลาด เหลือจากกินก็ขาย
โดยเขานิยมนำนมวัวมาต้มผสมกับชาและเครื่องเทศ สมุนไพร ทำเป็นชาร้อนดื่มยามหิวกระหาย
เป็นเครื่องดื่มประจำชาติ ที่ทุกชนชั้น ทุกเพศ ทุกวัยดื่มกันทุกวันเวลา
มีคุณค่าทางอาหาร บำรุงสุขภาพ มีขายทั่วไป ราคาไม่แพง ที่เขาเรียกกันว่า
"กาลัมจาย/กะลัมจาย" แต่คนไทยเรานิยมเรียก "กำลังใจ"
เพราะดื่มแล้วอร่อย ชื่นใจ หายเหนื่อย
และนำนมวัวไปทำนมเปรี้ยว (โยเกิร์ต)
ที่ชาวอินเดียเรียก "ดัชชี่/รัชชี่" ซึ่งอร่อย มีคุณค่าทางอาหาร
มีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งเขาทำและกินกันมาหลายพันปีแล้ว
2.วัวให้เชื้อเพลิง
คือ มูลวัว ใช้ได้สารพัดประโยชน์ ชาวอินเดียเก็บเศษหญ้า เศษใบไม้มาสับให้ละเอียดผสมกับขี้วัว
ขี้ควาย (หากต้องการพลังงานความร้อนมากขึ้นก็อัดแน่น) แล้วแปะไว้ข้างฝาบ้าน
ตากให้แห้ง เก็บเป็นเชื้อเพลิงหุงต้ม ที่เหลือขาย เป็นรายได้จุนเจือครอบครัว
ถือว่าเป็นธุรกิจน้อย ๆ ในครัวเรือน ลดค่าครองชีพ เป็นความมั่นคงด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงด้านพลังงาน
พลังงานที่ราคาต่ำ ใช้ไม่มีวันหมด ต่อให้น้ำมัน แก๊สหุงต้ม ฯลฯ หมดไปจากโลกเขาก็อยู่ได้ปกติ
แนวคิดเช่นนี้ประเทศซึ่งมีแนวคิดแบบเศรษฐกิจเสรีนิยม เช่น ไทย และอเมริกา
ฯลฯ คิดไม่ถึง
3.วัวให้ปุ๋ย
ชาวอินเดียนำมูลวัวผสมกับซากพืชทำปุ๋ยใส่ต้นไม้ ฯลฯ มูลวัวที่เหลือจากใช้ก็ขาย
มีคนมารับซื้อถึงที่ ประเทศอินเดียจึงมีปุ๋ยที่ดี มีความอุดมสมบูรณ์อย่างยั่งยืน
ไม่ทำลายเดินและสิ่งแวดล้อม ไม่ต้องซื้อปุ๋ยจากต่างประเทศให้เสียดุลการค้า
และที่สำคัญเป็นการลดต้นทุนการผลิต แก้ปัญหาการเกษตรที่ต้นเหตุ ทำให้เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจ
4.วัวให้วัสดุก่อสร้าง
มูลวัวผสมดินหรือโคลนเชื่อมต่ออิฐและสร้างผนังบ้านช่วยทำให้อิฐแข็งแรงยิ่งขึ้น
ขี้เถ้ามูลวัวผสมปูนขาวมีสรรพคุณเหมือนซีเมนต์ มูลวัวกับโคลนและน้ำใช้ทาพื้นในบ้านดิน
ทำให้พื้นแน่น ปรับสภาพอากาศได้ดี อบอุ่นในฤดูหนาว เย็นสบายในฤดูร้อน
ไม่เกิดความชื้น มูลวัวผสมดินหรือโคลนใช้ปูพื้นดินให้เรียบเพื่อทำกิจกรรมเกษตร
ไม่ว่าฝัดข้าว ตากข้าว ซ้อมข้าว เป็นวัสดุธรรมชาติ ย่อยสลายได้ง่าย
โดยไม่ทำลายหน้าดิน สิ่งแวดล้อม
5.วัวให้แรงงาน
ใช้วัวลากไถ เทียมเกวียนเป็นพาหนะบรรทุกสัมภาระเดินทางไปบนท้องถนน
พอๆกับรถ 6 ล้อ อย่างที่เห็นทั่วไปบนท้องถนนหนทางของอินเดีย วัวจึงเป็นทุนทรัพย์ที่ขาดไม่ได้
ต่อให้น้ำมันเชื้อเพลิงหมดโลกเขาก็ยังอยู่ได้ มีพลังงานที่ราคาต่ำ
ใช้ไม่มีวันหมด
6.วัวเป็นทุนทรัพย์และทรัพย์สิน
ให้คนเช่าไปทำเกษตรกรรม พาหนะขนส่งสิ่งของ ฯลฯ และหากต้องการเงินก็สามารถขายเป็นเงินได้ราคางาม
จงถึงกับมีการเลี้ยงวัวเพื่อขายลูกวัวเป็นรายได้ที่ดีอีกด้วย
7.วัวเป็นอาหาร
หลังจากวัวตายแล้ว เนื้อวัวก็เป็นอาหารอันโอชะ ราคาสูง และนมวัว ยังแปรสภาพเป็นอาหารได้หลาย
ๆ อย่าง เช่น เนยแข็ง เนยข้น เนยเหลว
8.เป็นยารักษาโรค
ผลผลิตจากวัวเป็นหนึ่งของภูมิปัญญาชาวอินเดียที่นำมาใช้ประโยชน์ ปัสสาวะของลูกวัวที่เกิดใหม่เป็นยาอายุรเวช
ปัสสาวะใหม่ของวัวแก่ ใช้แต้มสิวก่อนนอน ผสมมูลวัวกับน้ำแล้วทาบริเวณที่เป็นโรคผิวหนัง
ช่วยบรรเทาอาการคัน ผสมมูลวัวกับใบสะเดาบดทาที่ผิวหนัง รักษาผื่นบนผิวหนัง
ขี้เถ้ามูลวัวนำมาเป็นผงสีฟัน
9.มูลวัวแห้งผสมน้ำมันใช้ทำความสะอาดภาชนะ
ขี้เถ้ามูลวัวผสมมะขามขัดภาชนะทองเหลืองให้เงางาม
ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น
เป็นเพียงส่วนหนึ่งของประโยชน์ที่ได้จากวัว ซึ่งเป็นทั้งอาหาร เครื่องดื่มส่งเสริมสุขภาพ
ยารักษาโรค พาหนะ พลังงาน ทุนทรัพย์และทรัพย์สินที่จับต้องได้ ที่คนอินเดียได้แสดงให้เราเห็นอย่างประจักษ์แล้ว
"อีนี้เป็นสัตว์เทพเจ้าจริง ๆ น่ะนาย ขี้ยังมีคุณค่าสารพัด"
ในสังคมอินเดีย
"ครอบครัว" ซึ่งเป็นสถาบันที่ทรงคุณค่าในการสร้างและพัฒนาคนให้สังคม
เขาจะฉีด "วัคซีนใจให้ลูกหลาน" โดยฝึกลูกหลานให้ทำงานเป็น
ประกอบอาชีพ รักและดื่มด่ำกับการงานอาชีพ มีวิถีชีวิตที่อยู่กับธรรมชาติ
พอใจในสิ่งที่มี ยินดีในสิ่งที่ได้ กิน-ใช้เท่าที่จำเป็น วิถีชีวิตที่พอเพียง
อยากจน (มิใช่ยากจน) เข้าใจ เข้าถึง ดื่มด่ำในประเพณี วัฒนธรรม อารยธรรมของตัวเอง
และมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย
หากเรามองอินเดียอย่างที่อินเดียเป็น
ไม่มองเขาอย่างที่เราอยากให้เขาเป็น แล้วศึกษาให้เข้าใจ เข้าถึง ดื่มด่ำในวัฒนธรรม
อารยธรรม ประเพณี วิถีชีวิตในความหมายที่แท้จริง ซึ่งทรงคุณค่ามากที่สุดเกินที่จะพรรณนาเป็นคำพูดได้
แล้วนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันเราก็จะได้ประโยชน์มากมาย . ซึ่งต่างจากวิถีชีวิตของไทยเราที่อยากรวย
และทำตัวรวย ทั้งๆที่จน แต่ต้องทนติดหนี้ แบกรับภาะหนี้สินและดอกเบี้ยจนเกินตัว
จนเกิด NPL ไปทั่ว เศรษฐกิจจึงมีปัญหาอย่างที่เห็นกันทุกวันนี้ ครับ
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่คนไทยเราจะหันมาใช้ประโยชน์ทั้ง
9 ข้อที่ผ่านมาจากวัว ควาย สัตว์เลี้ยงที่ทรงคุณค่าที่เรามีอยู่อย่างเต็มที่
เพื่อความกินดี อยู่ดี มีสุข ความมั่นคงของครอบครัว ประเทศชาติของเรา
และที่สำคัญ "ครอบครัว" ควรจะฉีด "วัคซีนใจให้ลูกหลาน"
โดยฝึกลูกหลานให้ทำงานเป็น ประกอบอาชีพ รักและดื่มด่ำกับการงานอาชีพ
มีวิถีชีวิตที่อยู่กับธรรมชาติ พอใจในสิ่งที่มี ยินดีในสิ่งที่ได้
กิน-ใช้เท่าที่จำเป็น วิถีชีวิตที่พอเพียง อยากจน (มิใช่ยากจน) เข้าใจ
เข้าถึง ดื่มด่ำในประเพณี วัฒนธรรม อารยธรรมของตัวเอง และมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย
พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกันที่ดี มีความรู้คู่คุณธรรม มีความสมดุลและยั่งยืน
ในความหมายที่แท้จริงแล้ว เราจะได้ "กำไรชีวิต" ซึ่งทรงคุณค่ามากที่สุดเกินที่จะพรรณนาเป็นคำพูดได้
ครับ
---------------------------
เครดิต : ภาพประกอบจากเฟช https://www.facebook.com/sung.h.aeh
และจากอินเตอร์เนต จึงขออนุโมทนาเจ้าของภาพไว้ ณ ที่นี้
ที่มา.-
เฟชบุ้คพระมหาบุญโฮม 30 ตุลาคม 2015
*******************
|