แนวคิดเลี้ยงวัว รีดนมไว้ดื่มเอง ใช้งาน และใช้สาระพัดประโยชน์ อินเดียเขาทำจนกระทั่งได้ผลเป็นประจักษ์แล้ว ประเด็นสำคัญที่คนไทยควรรู้
โดย พระมหาบุญโฮม ปริปุณฺณสีโล (ไชยฤทธิ์) วัดท่าไทร ต.ท่าทองใหม่ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ๘๔๒๙๐

Image         ผู้ที่เคยไปนมัสการสังเวชนียสถาน ในประเทศอินเดียและเนปาล นอกจากจะได้ปฏิบัติตามพระดำรัสของพระพุทธเจ้าซึ่งตรัสไว้ในคืนปรินิพพาน และได้ถวายสังฆทาน ทอดผ้าป่าสามัคคี ไหว้พระ สวดมนต์ ฟังธรรมบรรยาย เจริญภาวนา ปฏิบัติธรรมแล้ว ยังได้รับททราบข้อมูลและสาระต่าง ๆ มากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องสาระพัดประโยชน์ที่ได้รับจากวัวของชาวอินเดีย

      ชาวอินดียถือว่าคนมีวัวคือคนร่ำรวย (อินเดียมีวัวกว่า 280 ล้านตัว) นอกจากจะเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง ความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ ความอุดมสมบูรณ์ ฯลฯ ในสังคมคนอินเดียยังเลี้ยงวัวเพื่อกินนม และเลี้ยงลูกเพื่อขายอีกด้วย ใช้ไถนา ขนส่ง และเดินทาง มีนมให้เป็นอาหาร ออกลูกขายได้อีก วัว ในทางความคิดของคนอินเดีย ถือว่ามันเป็นสัตว์ที่ให้คุณค่าที่สุด ช่วยให้ครอบครัว สังคมและประเทศชาติของเขามีความสุข เลี้ยงดูง่าย ให้ประโยชน์มากมาย เช่น (แค่เช่นเท่านั้น ที่จริงแล้วมีมากกว่านี้)

 

      1.วัวให้น้ำนม ชาวอินเดียถือว่าเป็นนมคุณภาพดีและสดกว่าที่จะซื้อจากตลาด เหลือจากกินก็ขาย โดยเขานิยมนำนมวัวมาต้มผสมกับชาและเครื่องเทศ สมุนไพร ทำเป็นชาร้อนดื่มยามหิวกระหาย เป็นเครื่องดื่มประจำชาติ ที่ทุกชนชั้น ทุกเพศ ทุกวัยดื่มกันทุกวันเวลา มีคุณค่าทางอาหาร บำรุงสุขภาพ มีขายทั่วไป ราคาไม่แพง ที่เขาเรียกกันว่า "กาลัมจาย/กะลัมจาย" แต่คนไทยเรานิยมเรียก "กำลังใจ" เพราะดื่มแล้วอร่อย ชื่นใจ หายเหนื่อย … และนำนมวัวไปทำนมเปรี้ยว (โยเกิร์ต) ที่ชาวอินเดียเรียก "ดัชชี่/รัชชี่" ซึ่งอร่อย มีคุณค่าทางอาหาร มีประโยชน์ต่อร่างกาย ซึ่งเขาทำและกินกันมาหลายพันปีแล้ว

Image      2.วัวให้เชื้อเพลิง คือ มูลวัว ใช้ได้สารพัดประโยชน์ ชาวอินเดียเก็บเศษหญ้า เศษใบไม้มาสับให้ละเอียดผสมกับขี้วัว ขี้ควาย (หากต้องการพลังงานความร้อนมากขึ้นก็อัดแน่น) แล้วแปะไว้ข้างฝาบ้าน ตากให้แห้ง เก็บเป็นเชื้อเพลิงหุงต้ม ที่เหลือขาย เป็นรายได้จุนเจือครอบครัว ถือว่าเป็นธุรกิจน้อย ๆ ในครัวเรือน ลดค่าครองชีพ เป็นความมั่นคงด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงด้านพลังงาน พลังงานที่ราคาต่ำ ใช้ไม่มีวันหมด ต่อให้น้ำมัน แก๊สหุงต้ม ฯลฯ หมดไปจากโลกเขาก็อยู่ได้ปกติ แนวคิดเช่นนี้ประเทศซึ่งมีแนวคิดแบบเศรษฐกิจเสรีนิยม เช่น ไทย และอเมริกา ฯลฯ คิดไม่ถึง

 

      3.วัวให้ปุ๋ย ชาวอินเดียนำมูลวัวผสมกับซากพืชทำปุ๋ยใส่ต้นไม้ ฯลฯ มูลวัวที่เหลือจากใช้ก็ขาย มีคนมารับซื้อถึงที่ ประเทศอินเดียจึงมีปุ๋ยที่ดี มีความอุดมสมบูรณ์อย่างยั่งยืน ไม่ทำลายเดินและสิ่งแวดล้อม ไม่ต้องซื้อปุ๋ยจากต่างประเทศให้เสียดุลการค้า และที่สำคัญเป็นการลดต้นทุนการผลิต แก้ปัญหาการเกษตรที่ต้นเหตุ ทำให้เกิดความมั่นคงทางเศรษฐกิจ

 

Image      4.วัวให้วัสดุก่อสร้าง มูลวัวผสมดินหรือโคลนเชื่อมต่ออิฐและสร้างผนังบ้านช่วยทำให้อิฐแข็งแรงยิ่งขึ้น ขี้เถ้ามูลวัวผสมปูนขาวมีสรรพคุณเหมือนซีเมนต์ มูลวัวกับโคลนและน้ำใช้ทาพื้นในบ้านดิน ทำให้พื้นแน่น ปรับสภาพอากาศได้ดี อบอุ่นในฤดูหนาว เย็นสบายในฤดูร้อน ไม่เกิดความชื้น มูลวัวผสมดินหรือโคลนใช้ปูพื้นดินให้เรียบเพื่อทำกิจกรรมเกษตร ไม่ว่าฝัดข้าว ตากข้าว ซ้อมข้าว เป็นวัสดุธรรมชาติ ย่อยสลายได้ง่าย โดยไม่ทำลายหน้าดิน สิ่งแวดล้อม

      5.วัวให้แรงงาน ใช้วัวลากไถ เทียมเกวียนเป็นพาหนะบรรทุกสัมภาระเดินทางไปบนท้องถนน พอๆกับรถ 6 ล้อ อย่างที่เห็นทั่วไปบนท้องถนนหนทางของอินเดีย วัวจึงเป็นทุนทรัพย์ที่ขาดไม่ได้ ต่อให้น้ำมันเชื้อเพลิงหมดโลกเขาก็ยังอยู่ได้ มีพลังงานที่ราคาต่ำ ใช้ไม่มีวันหมด

      6.วัวเป็นทุนทรัพย์และทรัพย์สิน ให้คนเช่าไปทำเกษตรกรรม พาหนะขนส่งสิ่งของ ฯลฯ และหากต้องการเงินก็สามารถขายเป็นเงินได้ราคางาม จงถึงกับมีการเลี้ยงวัวเพื่อขายลูกวัวเป็นรายได้ที่ดีอีกด้วย

      7.วัวเป็นอาหาร หลังจากวัวตายแล้ว เนื้อวัวก็เป็นอาหารอันโอชะ ราคาสูง และนมวัว ยังแปรสภาพเป็นอาหารได้หลาย ๆ อย่าง เช่น เนยแข็ง เนยข้น เนยเหลว

Image      8.เป็นยารักษาโรค ผลผลิตจากวัวเป็นหนึ่งของภูมิปัญญาชาวอินเดียที่นำมาใช้ประโยชน์ ปัสสาวะของลูกวัวที่เกิดใหม่เป็นยาอายุรเวช ปัสสาวะใหม่ของวัวแก่ ใช้แต้มสิวก่อนนอน ผสมมูลวัวกับน้ำแล้วทาบริเวณที่เป็นโรคผิวหนัง ช่วยบรรเทาอาการคัน ผสมมูลวัวกับใบสะเดาบดทาที่ผิวหนัง รักษาผื่นบนผิวหนัง ขี้เถ้ามูลวัวนำมาเป็นผงสีฟัน

      9.มูลวัวแห้งผสมน้ำมันใช้ทำความสะอาดภาชนะ ขี้เถ้ามูลวัวผสมมะขามขัดภาชนะทองเหลืองให้เงางาม

      ทั้งหมดที่กล่าวมานั้น เป็นเพียงส่วนหนึ่งของประโยชน์ที่ได้จากวัว ซึ่งเป็นทั้งอาหาร เครื่องดื่มส่งเสริมสุขภาพ ยารักษาโรค พาหนะ พลังงาน ทุนทรัพย์และทรัพย์สินที่จับต้องได้ ที่คนอินเดียได้แสดงให้เราเห็นอย่างประจักษ์แล้ว "อีนี้เป็นสัตว์เทพเจ้าจริง ๆ น่ะนาย ขี้ยังมีคุณค่าสารพัด"

      ในสังคมอินเดีย "ครอบครัว" ซึ่งเป็นสถาบันที่ทรงคุณค่าในการสร้างและพัฒนาคนให้สังคม เขาจะฉีด "วัคซีนใจให้ลูกหลาน" โดยฝึกลูกหลานให้ทำงานเป็น ประกอบอาชีพ รักและดื่มด่ำกับการงานอาชีพ มีวิถีชีวิตที่อยู่กับธรรมชาติ พอใจในสิ่งที่มี ยินดีในสิ่งที่ได้ กิน-ใช้เท่าที่จำเป็น วิถีชีวิตที่พอเพียง อยากจน (มิใช่ยากจน) เข้าใจ เข้าถึง ดื่มด่ำในประเพณี วัฒนธรรม อารยธรรมของตัวเอง และมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย

Image      หากเรามองอินเดียอย่างที่อินเดียเป็น ไม่มองเขาอย่างที่เราอยากให้เขาเป็น แล้วศึกษาให้เข้าใจ เข้าถึง ดื่มด่ำในวัฒนธรรม อารยธรรม ประเพณี วิถีชีวิตในความหมายที่แท้จริง ซึ่งทรงคุณค่ามากที่สุดเกินที่จะพรรณนาเป็นคำพูดได้ แล้วนำมาประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันเราก็จะได้ประโยชน์มากมาย . ซึ่งต่างจากวิถีชีวิตของไทยเราที่อยากรวย และทำตัวรวย ทั้งๆที่จน แต่ต้องทนติดหนี้ แบกรับภาะหนี้สินและดอกเบี้ยจนเกินตัว จนเกิด NPL ไปทั่ว เศรษฐกิจจึงมีปัญหาอย่างที่เห็นกันทุกวันนี้ ครับ

      ถึงเวลาแล้วหรือยังที่คนไทยเราจะหันมาใช้ประโยชน์ทั้ง 9 ข้อที่ผ่านมาจากวัว ควาย สัตว์เลี้ยงที่ทรงคุณค่าที่เรามีอยู่อย่างเต็มที่ เพื่อความกินดี อยู่ดี มีสุข ความมั่นคงของครอบครัว ประเทศชาติของเรา และที่สำคัญ "ครอบครัว" ควรจะฉีด "วัคซีนใจให้ลูกหลาน" โดยฝึกลูกหลานให้ทำงานเป็น ประกอบอาชีพ รักและดื่มด่ำกับการงานอาชีพ มีวิถีชีวิตที่อยู่กับธรรมชาติ พอใจในสิ่งที่มี ยินดีในสิ่งที่ได้ กิน-ใช้เท่าที่จำเป็น วิถีชีวิตที่พอเพียง อยากจน (มิใช่ยากจน) เข้าใจ เข้าถึง ดื่มด่ำในประเพณี วัฒนธรรม อารยธรรมของตัวเอง และมีวิถีชีวิตที่เรียบง่าย พอประมาณ มีเหตุผล มีภูมิคุ้มกันที่ดี มีความรู้คู่คุณธรรม มีความสมดุลและยั่งยืน ในความหมายที่แท้จริงแล้ว เราจะได้ "กำไรชีวิต" ซึ่งทรงคุณค่ามากที่สุดเกินที่จะพรรณนาเป็นคำพูดได้ ครับ
---------------------------
เครดิต : ภาพประกอบจากเฟช https://www.facebook.com/sung.h.aeh และจากอินเตอร์เนต จึงขออนุโมทนาเจ้าของภาพไว้ ณ ที่นี้

ที่มา.- เฟชบุ้คพระมหาบุญโฮม 30 ตุลาคม 2015


*******************