"ความเป็นพุทธ มาคู่กับภารกิจ และหน้าที่ ซึ่งจะต้องทำด้วยความรับผิดชอบ" ประเด็นสำคัญที่ชาวพุทธควรตระหนัก
โดย พระมหาบุญโฮม ปริปุณฺณสีโล ป.ธ.๕,นธ.เอก,ศษ.บ.,MPA.(นิด้า) วัดท่าไทร ต.ท่าทองใหม่ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ๘๔๒๙๐


Image         ศาสนาพุทธจะเจริญรุ่งเรืองได้ก็เพราะพุทธบริษัท ๔ ซึ่งประกอบด้วย ภิกษุ (รวมสามเณรด้วย) ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา ทำหน้าที่ศึกษาเล่าเรียนคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า โดยเอื้อเฟื้อ ไม่ดูดาย เมื่อมีความรู้แล้ว ตนเองก็ประพฤติปฏิบัติตามเป็นอย่างดี และแนะนำสั่งสอนผู้อื่นต่อไป มีความเคารพ ยำเกรงในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ สนใจศึกษาธรรม เมื่อมีผู้ใครกล่าว ติเตียน จ้วงจาบ ดูหมิ่นศาสนา ดูหมิ่นพระสงฆ์และองค์กรพุทธ แสดงคำสอน ผิดพลาดขึ้นมาแล้ว .. พุทธบริษัท ๔ ต้องสามารถ ชี้แจง แก้ไข ให้ถูกต้อง ตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา ร่วมมือ ร่วมแรง ร่วมใจกันทำหน้าที่สะสาง ช่วยเหลือ สนับสนุน ส่งเสริมกิจกรรมทางศาสนา นี่แหละ จึงจะทำให้พระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองถาวรสืบต่อไปตราบนานเท่านาน

         คนไทยมิใช่น้อย ที่ปากบอกเป็นชาวพุทธ นับถือศาสนาพุทธ แต่ไม่ทำหน้าที่ชาวพุทธ ไม่มีศรัทธา ไม่สนใจรักษาศีล เชื่อมงคลตื่นข่าว : เชื่อข่าวลือ เชื่อเรื่องโชค ลาง ของขลัง วัตถุมงคล ไม่สนใจธรรมะ ไม่ทำบุญ คัดค้านกิจกรรมทางศาสนา และไม่มีความเคารพ ยำเกรงในพระพุทธเจ้า พระธรรม พระสงฆ์ ไม่สนใจศึกษาธรรม ประมาทมัวเมาในลาภ ยศ สรรเสริญ สุข ไม่มีผลงานประจักษ์ที่เกิดประโยชน์ต่อการพระพุทธศาสนาและสังคมส่วนรวม กิริยาอาการ และการพูดจาแสดงความคิดเห็นแต่ละครั้งประหนึ่งตัวเขาเองและบรรพชนของเขามิใช่คนไทยที่เคยอาศัยร่มใบบุญของชาติ พระพุทธศาสนา และพระมหากษัตริย์เลยแม้แต่น้อย .... และที่แสนจะเจ็บปวดที่สุดก็คือ "มีคนมิใช่น้อยที่ปากบอกเป็นชาวพุทธ นอกจากไม่เคยทำหน้าที่ชาวพุทธแล้ว มิหนำซ้ำยัง "หน้าด้าน" คัดค้านการรณรงค์ให้บัญญัติศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ" ช่างอนาถใจแท้..!!!

Image         การบัญญัติให้ ศาสนาที่มีคนส่วนใหญ่ในประเทศนับถือ เป็น ศาสนาประจำชาติ ทุกประเทศก็ถือเป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่เรื่องเสียหายหรืออันตรายแต่อย่างใด มีรายงานการวิจัยของ ศาสตราจารย์ ดร.โรเบิร์ต เจ.บาร์โร ระบุว่า ในโลก มีถึง ๕๘ ประเทศที่มีการบัญญัติ "ศาสนาประจำชาติ" ไว้ในรัฐธรรมนูญ และก็ไม่มีคนในศาสนาอื่นในประเทศเหล่านี้ต่อต้านแต่อย่างใด เพราะรู้ดีว่าศาสนาดั้งเดิมของคนส่วนใหญ่ในประเทศนั้นคืออะไร ย่อมที่จะให้เกียรติเจ้าของประเทศ

         มีข้อมูลประจักษ์ชัดว่าพระพุทธศาสนาเข้ามาเผยแผ่ใน ประเทศไทย ราว พ.ศ.๒๓๖ สมัยเดียวกับที่เข้าไปเผยแผ่ใน ศรีลังกา จาก พระธรรมทูต ๙ สาย ที่ พระเจ้าอโศกมหาราช กษัตริย์อินเดียที่ส่งออกไปเผยแผ่พุทธศาสนา ประเทศไทยสมัยนั้นยังรวมอยู่ในดินแดนสุวรรณภูมิ จาก พ.ศ.๒๓๖ ถึง พ.ศ.๒๕๕๙ พุทธศาสนาก็อยู่ในดินแดนไทยมานานถึง ๒,๓๒๓ ปีแล้ว กรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญหากมีใจเป็นธรรมและต้องการให้รัฐธรรมนูญเป็นที่ยอมรับของประชาชนก็ควร "บัญญัติศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไว้ในรัฐธรรมนูญ"

 

         "การบัญญัติให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไว้ในรัฐธรรมนูญ ถึงแม้จะเป็นสิ่งที่ดี มีประโยชน์ต่อส่วนรวม สาธารณะ และประเทศชาติ" ต่อให้ลายมือชื่อของพระภิกษุและของคนไทยที่นับถือพุทธจะสักกี่ล้านๆรายชื่อก็ตาม ก็ไม่สามารถจะบรรลุผลได้ ไม่ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ ฉบับไหน ๆ หรือเรียกร้องอื่นใด รวมทั้งจะมีใครผลิตสื่อโจมตี ใส่ร้ายป้ายสีชาวพุทธ พระสงฆ์ หรือทำร้ายชาวพุทธ ทั้งที่ผ่านมาและที่จะมีอีกในภายหน้า เพราะ...

Image         ๑.ผู้ร่างและผู้ค้าน เขาไม่เคยให้ความสนใจต่อเสียงชาวพุทธ ไม่แคร์ความรู้สึก และไม่สนใจเหตุผลใด ๆ ของชาวพุทธทั้งสิ้น เพราะเขาประเมินแล้วว่าถึงแม้จะไม่บรรจุไว้ในรัฐธรรมนูญ หรือไม่ดำเนินการตามคำเรียกร้องของชาวพุทธ ก็จะไม่มีเหตุรุนแรงใดๆเกิดขึ้น เพราะชาวพุทธรักสงบและก็เป็นอย่างนี้โดยตลอดและชาวพุทธก็เชื่อฟังแต่โดยดี

         ๒.พระภิกษุสงฆ์และชาวพุทธ "ใช้กลยุทธ์และวิธีการเรียกร้องแบบเดิม ๆ ซึ่งใช้มาโดยตลอด" ซึ่งต่างจากกลยุทธ์และวิธีการการเรียกร้องศาสนาอื่นซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจน

         ๓.ชาวพุทธไม่เคยเรียกร้อง รณรงค์เพื่อ "บัญญัติให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไว้ในรัฐธรรมนูญ" ในนามขององค์กรหลักแห่งคณะสงฆ์องค์รวม เป็นวาระสำคัญของคณะสงฆ์เลย ที่สำคัญ "พระสังฆาธิการระดับต่าง ๆ ตั้งแต่ระดับล่างถึงระดับสูง ต่างก็เฉย" น้ำหนักจึงไม่เพียงพอ และไม่สร้างความเกรงใจให้เกิดขึ้นกับคณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญได้ ไม่ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ ฉบับไหน ๆ หรือการเรียกร้องอื่นใดทั้งที่ผ่านมาและที่จะมีอีกในภายหน้า รวมทั้งจะมีใครผลิตสื่อโจมตี ใส่ร้ายป้ายสีชาวพุทธ พระสงฆ์ หรือทำร้ายชาวพุทธจะกี่ครั้งก็ตาม

         ๔.มีจำนวนชาวพุทธมิใช่น้อยที่เป็นนักวิชาเกิน และพระบางรูป(ผู้ขายจิตวิญญาณ ไร้จิตสำนึกรับผิดชอบชั่วดี) ที่ "สมองกลวง ไม่ได้เรียนกฎหมาย ไม่เข้าใจกฎหมาย หรือเรียนรู้แต่ขาดวิสัยทัศน์ ขาดจิตสำนึกความรับผิดชอบในฐานะเป็นชาวพุทธ" แล้วกระเหี้ยนกระหือรือออกมาคัดค้าน โดยเสนอว่า "จัดการเรื่องอื่นให้เสร็จก่อน ค่อยเอาเรื่องบัญญัติให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไว้ในรัฐธรรมนูญ ทีหลัง" แท้ที่จริงแล้ว หาก "บัญญัติให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไว้ในรัฐธรรมนูญ" ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศออกมาบังคับใช้แล้ว อะไรๆที่เขาต้องการ และสิ่งที่ดีอื่นๆ อีกมากมายยิ่งกว่าที่เขาต้องการและคิดได้มันก็จะตามมาเองโอยอัตโนมัติ คล้ายๆกับเมื่อจับที่ยอด/หูของแหหรืออวนแล้วดึงมา ส่วนอื่นทั้งหมดของแหหรืออวนรวมทั้งปลาที่ติดก็จะตามมาทั้งหมดโดยอัตโนมัตินั่นเองครับ

 

Image         หันไปดูประเทศศรีลังกา ถึงแม้จะมีประชากรที่นับถือศาสนาพุทธเพียง 70% แต่ชาวพุทธมีศักยภาพ มีจิตสำนึกและทำหน้าที่อย่างเข้มแข็ง ซึ่งนอกจากจะบัญญัติให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติแล้ว ยังมีการนำพระพุทธศาสนาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างสมดุล ประชาชน นักวิชาการและนักการเมืองทุกระดับชั้นให้ความสนใจและสนับสนุนให้นำพุทธธรรมมาประยุกต์ใช้และเป็นเครื่องมือในการพัฒนาประเทศชาติ เศรษฐกิจ สังคม การเมือง การศึกษา และจิตใจ ทุกสิ่งเป็นเครือข่ายโยงใยกันหมดจนเป็นวิถีชีวิต วิถีพุทธ เพราะสิ่งนี้มีสิ่งนี้จึงมี เพราะสิ่งนี้ไม่มีสิ่งนี้จึงไม่มี ขณะเดียวกันถึงแม้จะ "บัญญัติให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ" โดยบัญญัติว่า "สาธารณรัฐศรีลังกายกพระพุทธศาสนาไว้ในสถานะสำคัญสูงสุด และถือเป็นหน้าที่ของรัฐที่จะต้องอุปถัมภ์บำรุงพระพุทธศาสนา และในขณะเดียวกันก็ประกันสิทธิของทุกศาสนาตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 10 และ 14" … แต่ชาวพุทธก็เคารพในสิทธิ เสรีภาพของคนที่นับถือศาสนาอื่น ไม่เคยเบียดเบียนหรือขู่เข็ญบังคับให้คนต่างศาสนาหันมานับถือศาสนาพุทธเลยแม้แต่น้อย ประชาชนทุกศาสนาอยู่ร่วมกันได้อย่างผาสุก เป็นความสวยงามของอารยธรรมของมนุษยชาติที่ไม่มีที่ใดเหมือน

         ประเทศภูฏาน มีประชาชนนับถือศาสนาพุทธนิกายมหายาน (ตันตรยาน หรือบ้างก็เรียกว่าวัชรยาน) 75% เท่านั้น แต่เขาก็ยกเอาศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติ โดยบัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญว่า "พระพุทธศาสนาเป็นมรดกทางจิตใจของภูฏาน ซึ่งส่งเสริมหลักการและค่านิยมแห่งสันติ อหิงสา กรุณาและขันติ" และประชาชนเขาอยู่ร่วมกันได้อย่างเป็นปกติสุข ซ้ำยัง "ถือเอาความสุขมวลรวมของประชากรในชาติ" เป็นเกณฑ์ในการพัฒนาชาติซึ่งต่างจากประเทศอื่น ๆ อีกด้วย

 

Image         หันไปดูประเทศมาเลเซียซึ่งมีชายแดนติดกับประเทศเรา ซึ่งเขามี "ประชากรที่นับถือศาสนาอิสลามเพียง 61% เขายังบัญญัติในรัฐธรรมนูญให้ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติมาเลเชีย" ไม่เห็นเขาอ้างความเสมอภาพ หรือกลัวขัดแย้งแตกแยก ... ขณะที่ประเทศไทย มีประชากรที่นับถือศาสนาพุทธมากมายถึง 95 % พอชาวพุทธเรียกร้องให้รัฐบัญญัติพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไทยในรัฐธรรมนูญ กลับดราม่า บ่ายเบี่ยงอ้างว่าเกรงไม่เสมอภาพ กลัวแตกแยก มั่นใจหรือว่านี่คือประชาธิปไตย มั่นใจแล้วหรือว่ามีความยุติธรรม ???

         ประเทศที่ประกาศอย่างเป็นทางการไว้ในรัฐธรรมนูญว่า มีศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติ มีจำนวน 30 ประเทศ เช่น รัฐอิสลามอัฟกานิสถาน สาธารณรัฐอิสลามปากีสถาน สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน สาธารณรัฐอิสลามมอริเตเนีย สหพันธ์สาธารณรัฐอิสลามคอโมโรส ซาอุดีอาระเบีย โซมาเลีย ตูนิเซีย โมร็อกโก แอลจีเรีย ลิเบีย อียิปต์ จอร์แดน คูเวต บาห์เรน มัลดีฟส์ บังกลาเทศ บรูไน มาเลเซีย อิรัก โอมาน กาตาร์ อิสราเอล สาธารณรัฐประชาธิปไตยชาห์ราวีอาหรับ สาธารณรัฐโซมาลีแลนด์ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ สหราชอาณาจักรเยเมน โมนาโก แอนดอร์รา นอร์เวย์ มอลตา เอธิโอเปีย ยูเครน ฮังการี

         ประเทศอัฟกานิสถาน มีประชากรนับถือศาสนาอิสลาม 98 % และบัญญัติในรัฐธรรมนูญให้ศาสนาอิสลามเป็นศาสนาประจำชาติว่า "ศาสนาอิสลามที่ศักดิ์สิทธิ์เป็นศาสนาแห่งอัฟกานิสถาน ในสาธารณรัฐอัฟกานิสถานจะไม่มีกฎหมายใดขัดแย้งกับหลักการของศาสนาอิสลามที่ศักดิ์สิทธิ์" (ในอดีตประเทศอัฟกานิสถานได้นับถือพระพุทธศาสนา พระเจ้าเมนันเดอร์ หรือ มิลินท์และพระนาคเสน ก็เป็นประจักษ์พยานของการมีอยู่ของพระพุทธศาสนาในอดีต และมีหลักฐาน เช่น พระพุทธรูปบามิยัน ที่เมืองบามิยันซึ่งมีอายุมากกว่า 2,000 ปี แต่ต่อมาในยุคหลังได้ถูกพวกตาลีบันทำลายทิ้งทั้งหมด)

 

Image         ประเทศสาธารณรัฐแกมเบีย ได้สถาปนาสถานะของประเทศเป็น "รัฐอิสลาม" โดยแกมเบียมีประชากรเกือบ 2 ล้านคน โดยประชาชน 90% นับถือศาสนาอิสลาม, และปราชน 8% นับถือศาสนาคริสต์ ที่เหลือนับถือความเชื่อดั้งเดิม (ไทยโพสต์ วัน จันทร์ ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ.2558)
ในโลกปัจจุบัน มีประเทศที่ประกาศอย่างเป็นทางการไว้ในรัฐธรรมนูญว่า "ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำชาติ" มีมากกว่า 15 ประเทศ ตัวอย่างเช่น สวีเดน ฟินแลนด์ เดนมาร์ก กรีนแลนด์ กรีซ เป็นต้น

         ประเทศเดนมาร์ก เป็นประเทศที่ใช้ระบบเศรษฐกิจแบบเสรีนิยม ประชากร 83 % นับถือศาสนาคริสต์ เขาก็บัญญัติในรัฐธรรมนูญให้ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำชาติ" ไม่เห็นเขาอ้างความเสมอภาพ หรือกลัวขัดแย้งแตกแยก

         ประเทศสวีเดน มีการปกครองระบอบราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ โดยใช้ระบอบประชาธิปไตยแบบตัวแทน พระมหากษัตริย์เป็นประมุขแห่งรัฐ ประชากร 75% นับถือศาสนาคริสต์ เขาก็บัญญัติในรัฐธรรมนูญให้ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาประจำชาติ" ไม่เห็นเขาอ้างความเสมอภาพ หรือกลัวขัดแย้งแตกแยก และไม่ก่อให้เกิดปัญหาอะไรเลย... ... ขณะที่ประเทศไทย มีประชากรที่นับถือศาสนาพุทธมากมายถึง 95 % ชาวพุทธเรียกร้องให้รัฐบัญญัติพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไทยในรัฐธรรมนูญ กลับดราม่า บ่ายเบี่ยงอ้างว่าเกรงไม่เสมอภาพ กลัวแตกแยก มั่นใจหรือว่านี่คือประชาธิปไตย มั่นใจแล้วหรือว่ามีความยุติธรรม ???

 

Image         นักวิชาการไร้จิตสำนึกบางท่านก็อ้างว่า "บัญญัติในธรรมนูญให้พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไทยไม่ได้ เพราะไทยไม่เคยเป็นต้นกำเนิดศาสนาใด" โดยไม่ลืมตาดูทั่วโลกที่บัญญัติให้พุทธ คริสต์ อิสลาม ฯลฯ เป็นศาสนาประจำชาติ ก็ล้วนแต่มิใช่เป็นประเทศต้นกำหเนิดศาสนาทั้งสิ้น แต่ที่เขาบัญญัติเพราะเขาเคารพสิทธิประชาชนเจ้าของประเทศ เขามีความซื่อสัตย์ เขาจิตสำนึกรับผิดชอบต่อตำแหน่ง หน้าที่ ต่อสาธารณะ และต่อบรรพชน เขามีความกล้าหาญทางคุณธรรม เขาไม่มีอคติ และเขาไม่กลัวต่อคำขู่ของพาลชน จะสมองกลวงไปถึงไหนกัน

         หลายคนชอบคิดและพูดกันง่าย ๆ ว่า เมื่อ 2 ชายหญิงตกลงใจและอยู่กินกันฉันท์สามีภรรยาก็น่าจะเพียงพอแล้ว จะเอาอะไรอีก ??? แต่คนที่มีจิตสำนึก รับผิดชอบชั่วดีย่อมจะรู้ว่าชายหญิงนอกจากจะตกลงใจและอยู่กินกันฉันท์สามีภรรยาแล้ว จะต้องมีพิธีแต่งงานกันตามประเพณีเพื่อแสดงว่าเป็นคนที่ดีมีวัฒนธรรมและให้เกียรติทั้งแก่คนที่ตนรักและพ่อแม่ญาติพี่น้อง เสร็จแล้วก็จะจดทะเบียนสมรสให้มีความชอบธรรมตามกฎหมาย เพราะตามหลักของกฎหมายเพียงแค่การแค่ตกลงใจอยู่กินกันฉันท์สามีภรรยานั้นยังไม่พอ ทั้ง ๒ คนต้องจดทะเบียนสมรสด้วยจึงจะเป็นประจักษ์พยานที่ถูกต้องตามกฎหมาย และเมื่อจดทะเบียนสมรสแล้ว สิทธิประโยชน์และอะไร ๆ อีกมามายมันก็จะตามมาเอง ฉันใดก็ฉันนั้น เพียงแค่คนไทยกว่า 95% นับถือศาสนาพุทธเท่านั้นไม่เพียงพอ จึงควรให้มีการรับรองโดยการ "บัญญัติให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติไว้ในรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ" ด้วยจึงจะเป็นการชอบธรรมตามกฎหมาย ครับ

 

Image         หลักธรรมคำสอนในศาสนาพุทธ ยึดหลักสันติวิธีที่ถูกต้องแท้จริง ไม่มีการเบียดเบียนหรือการข่มเหงรังแกศาสนาอื่นมาโดยตลอด แม้แต่ UN ยังประกาศให้ "วันวิสาขบูชา" วันสำคัญของศาสนาพุทธ เป็นวันสำคัญของโลก และ ยกย่อง "พระพุทธเจ้า" ให้เป็นบุคคลสำคัญของโลก เพราะตลอดระยะเวลาเกือบ 3,000 ปี พระพุทธศาสนายึดหลักความดีความถูกต้อง ให้ความสำคัญของความเป็นมนุษย์และชีวิตทุกชีวิต เน้นสันติ และอหิงสาทั้งทางกาย วาจา และจิตใจ มุ่งเน้นในเรื่องของสติปัญญา ศีลธรรม คุณธรรมเป็นที่ตั้ง ไม่เคยบังคับ ไม่เคยสอนให้ทำสงครามศาสนาหรือทำร้ายคนต่างศาสนาเพื่อบีบบังคับให้ใครยอมเชื่อยอมหันมานับถือศานพุทธาเลย ไม่มีหลักคำสอนที่สั่งให้ฆ่าหรือทำร้ายคนนอกศาสนาเลยแม้แต่น้อย

         การบัญญัติให้พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ นอกจากจะให้เป็นเอกลักษณ์สำคัญของคนในชาติ เป็นการแสดงความเคารพต่ออารยธรรมของบรรพบุรุษไทย เป็นความภาคภูมิใจของชาวไทยทั้งประเทศ และเป็นการให้เกียรติแก่ชาวพุทธซึ่งมีอยู่เกินกว่า 95% แล้ว ยังเป็นหลักประกันความมั่นคงของสถาบัน สถาบันศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ให้คงอยู่ และเป็นการแสดงเจตน์จำนงอย่างประจักษ์ชัดว่า รัฐให้ความสำคัญและคุ้มครองพระพุทธศาสนาไว้ให้เป็นสมบัติชาติ และเป็นการแสดงเจตน์จำนงให้เป็นสมบัติและมรดกทางอารยธรรมตกทอดสู่อนุชนรุ่นหลังลูกหลานของไทยอีกด้วย

Image         ในหลายๆ ประเทศ ก็มีการประกาศให้ศาสนาที่มีคนนับถือเป็นจำนวนมากที่สุดในประเทศนั้นๆ เป็นศาสนาประจำชาติ ซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์และสัญลักษณ์สำคัญของคนในชาติประการหนึ่ง การจะยกย่องเชิดชูศาสนาของตนนั้น ก็เป็นสิ่งที่ศาสนิกทุกคนพึงจะกระทำได้ คนไทยเราทุกคนก็ยังสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างเป็นปรกติสุข เพราะความคิดเห็นและความเชื่อของมนุษย์นั้น สามารถมีความแตกต่างกันได้ เป็นเรื่องธรรมชาติธรรมดาของสังคมมนุษย์ และไม่เป็นการข่มเหง รังแกหรือเบียดเบียนศาสนาอื่นแต่อย่างใด

         คล้ายๆกับที่ ประเทศไทย ประกาศให้ "ดอกราชพฤกษ์ หรือ ดอกคูน เป็นดอกไม้ประจำชาติไทย" สีสันของ ดอกราชพฤกษ์ ต้นไม้มงคลที่ได้รับการยกย่องให้เป็น ดอกไม้ประจำชาติไทย เพื่อเป็นสัญลักษณ์ ทั้งยังเชื่อว่าเป็นต้นไม้ที่ปลูกไว้แล้วจะเสริมให้คนในบ้านมีเกียรติยศชื่อเสียงมากขึ้นด้วย มิได้หมายความว่าเมื่อประกาศเอาดอกราชพฤษ์เป็นดอกไม้ประจำชาติแล้ว เราจะต้องตัด ทำลาย หรือกำจัดต้นไม้ และดอกไม้ชนิดอื่นไปซ่ะเมื่อไหร่กัน นักวิชาเกินและนักวิจารณ์จะมโนหรือสมองกลวงไปถึงไหนกันครับ เจ้านาย

         อย่าปล่อยให้พระกลุ่มเดียวทำให้ใจเสื่อมไปจากพระพุทธศาสนา ไม่มีการแทรกแซงทำลายใดจะได้ผลไปกว่าการทำให้คนในกันเองทำให้ศาสนาเสื่อม เล่ห์มารทั้งนั้น พระแท้ก็มีเยอะมาก แต่พระดีไม่มีเวทีให้แสดง ไม่มีสื่อสนใจ สังคมเมิน แต่พระไม่ดีภาพที่ฟ้องมันมันส์ แล้วเราก็ไปหลงกลเขา จะลาจากพระบรมศาสดาทั้งที่พระองค์ทรงอุทิศชีวิตถึงสี่อสงไขยกับอีกหนึ่งแสนกัลป์ เพื่อแสวงหาทางหลุดพ้นให้แก่พวกเรา เพื่อชี้ทางสว่างให้แก่เวไนยสัตว์ ยิ่งเห็นความเสื่อมขนาดนี้ เรา...ฆราวาสยิ่งต้องเข้ามาเป็นกำลังค้ำยันพระพุทธศาสนา ไม่ให้เสื่อมลงไปกว่านี้ ไม่ใช่คิดแต่เพ่งโทษแล้วประกาศตัวถอย พากันเปลี่ยนศาสนา

Image         พระพุทธศาสนาจะอยู่ได้นานแค่ไหนนั้นขึ้นอยู่กับพุทธบริษัท "คำว่าศาสนาประกอบด้วย พระศาสดา พระธรรมคำสอน และพุทธบริษัท สองส่วนแรกไม่มีคำว่าเสื่อม แต่ส่วนที่สามนี่ คือ กลไกที่นำมาทั้งความรุ่งเรืองและความเสื่อม … พุทธบริษัทมี ๔ ขา เหมือนเก้าอี้ เมื่อขาหลักคือบรรพชิตเสื่อม ภิกษุณีก็ไม่มี สองขาที่ต้องยันกันไว้ให้อยู่ ไม่ให้กำแพงล้มลง "สองขาที่ว่านี้ก็คือ ฆราวาส ที่เรียกว่า อุบาสก อุบาสิกา"

         พระแท้ยังมีมากมายเต็มไปหมด พระไม่ดีมีเพียงส่วนน้อยนิด ชาวพุทธที่เป็นฆราวาสจึงต้องหนักแน่นในธรรม ทำจิตเราให้เป็นพระ ให้ถึงพระธรรม อย่าให้ใจเสื่อมไปจากพระธรรม เมื่อศาสนจักรอ่อนแอ ชาวพุทธที่ฆราวาสต้องเข้มแข็งขึ้นมา เราคือส่วนหนึ่งของพุทธบริษัทที่ใหญ่ที่สุด มั่นคงที่สุด ยาวนานที่สุด ขอให้ดึงพลังความดีในตัวเราออกมา ยุคนี้เป็นยุคที่ทั้งพระสงฆ์และฆราวาสต้องผนึกกำลังกันให้เข้มแข็ง ร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมแก้ปัญหา ชาวพุทธเราต้องหนักแน่นค้ำชูพระพุทธศาสนา ไม่ใช่ประกาศตัวถอย เราทุกคนคือความดี อย่าสิ้นศรัทธาในธรรม ช่วยกันยืนหยัดอุ้มชูรักษาพระพุทธศาสนา จะบังเกิดเป็นมหากุศลแก่ชีวิต ที่ได้แสดงความกตัญญูต่อพระพุทธบิดาและพระพุทธศาสนา ไว้เป็นสมบัติมรดกตกทอดสู่ลูกหลานเราต่อไปตราบนานเท่านาน
------------------------------
หมายเหตุ.-
         ขอเชิญชาวพุทธทุกท่าน ได้ร่วมคิด ร่วมแรง ร่วมใจ ร่วมทำ ร่วมสนับสนุนให้บัญญัติพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติไว้ในรัฐธรรมมนูญ โดยนำภาพนี้/แชร์ภาพนี้ไปลงไว้ในเฟช ไลน์ของตัวเอง เพื่อเป็นการทำหน้าที่ของชาวพุทธ ด้วยความรับผิดชอบต่อบรรพชนและลูกหลานไทยของเรา เป็นการแสดงออกถึงรักษาสิทธิของเรา จะได้ช่วยกันสนับสนุน ส่งเสริม บำรุง รักษาไว้ให้เป็นสมบัติของลูกหลานไทยตราบนานเท่านาน (ผู้มีสิทธิพึงแสดง ต้องแสดงสิทธิจึงจะได้สิทธิ) และขอมอบรูปภาพนี้เป็นสมบัติสาธารณะ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ อนุญาตให้นำไปใช้ได้โดยไม่ต้องขออนุญาต ครับ

 





เครดิต : ๒ ภาพสุดท้าย จาก www.5000s.org และภาพอื่น ๆ จากอินเตอร์เนต เห็นว่าเป็นภาพที่ดี เหมาะกับบทความ จึงนำมาประกอบบทความ ขออนุโมทนาเจ้าของภาพไว้ ณ ที่นี้


-------------------------------
ปณิธาน/อนุญาตแชร์ได้ :

         ทุกข้อความ ทุกภาพประกอบที่ปรากฏในเฟชนี้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์ ข้าพเจ้า ขอมอบให้เป็นสมบัติสาธารณะ โดยทุกคนเป็นเจ้าของร่วมกัน ท่านที่ต้องการแชร์ ขอเชิญตามอัธยาศัย โดยไม่ต้องขออนุญาตอีก.. ขออนุโมทนาบุญ ขอให้ได้รับบุญกุศลจากการเผยแพร่ธรรมะด้วยกัน ขอให้มีความสุข ความเจริญรุ่งเรือง ทั้งชาตินี้และชาติหน้าโดยทั่วกัน สาธุๆๆ

-------------------

ที่มา.- นสพ.ปักษ์ใต้โพสท์ ปีที่ ๕ ฉบับที่ ๒๔๐ เดือนมีนาคม ๒๕๕๙ หน้า ๑๔-๑๕


*******************