สมภารวัดย่านยาวห้าม เหล้า-พนัน โยมฮือขับไล่
 

                        เจ้าอาวาสวัดย่านยาวรูปใหม่ พยายามทำวัดให้เป็นวัด ตั้งกฎเหล็กห้ามเล่นหวยหุ้น ห้ามดื่มเหล้าเฝ้าศพ แถมไปรื้อผลประโยชน์พวงหรีดที่ดินเช่าวัด ทำชาวบ้านที่ไม่พอใจ พาพวกร่วมร้อยฮือขับไล่ ผลสุดท้ายยอมออกจากวัดชั่วคราว ให้สอบสวนความจริง เพราะมั่นใจว่าทำสิ่งที่ถูกต้อง ขณะที่ตำรวจพระระอาเหลือบผ้าเหลือง จับสึกไม่หวาดไม่ไหว แฉเฉพาะ กทม.กว่าเดือนละกว่า 10 รูป แหล่งใหญ่อยู่หัวลำโพง-หมอชิต 2 เป็นพระไม่จำวัด ตกค่ำนอนในรถตู้ รุ่งเช้าออกบิณฑบาต ตกเย็นถอดจีวรท่องราตรี อีกแหล่งสิงสถิตตามตลาด บางที่แม่ค้าลงทุนเช่าห้องพักให้เวียนเทียนขายกับข้าวใส่บาตร "พระวินยาธิการ" เผยวิธีสังเกตย่ามใหญ่พกที 2-3 ย่าม-จีวรสกปรก-พกบาตรและกลดติดตัว วอนญาติโยมช่วยเป็นหูเป็นตา พร้อมขอเปิดฮอตไลน์รับร้องเรียนเรื่องพระ วอนฝ่ายบ้านเมืองเพิ่มโทษให้หนักถึงขั้นจำคุก


                        เหตุความวุ่นวาย 2 เรื่องสะท้อนภาพพุทธศาสนาสมัยหลังกึ่งพุทธกาล เหตุการณ์ชาวบ้านวัดย่านยาว จุดพิสูจน์ศพผู้ประสบภัยสึนามิ จ.พังงา ชุมนุมขับไล่เจ้าอาวาสคนใหม่เพราะไม่พอใจที่ออกกฎเกณฑ์เพื่อจะทำวัดให้เป็นวัด อีกเหตุการณ์หนึ่งเป็นการแฉพฤติกรรมของเหลือบพระศาสนาในที่ประชุมพระวินยาธิการ หรือตำรวจพระนี้ เหตุการณ์แรกเปิดเผยขึ้นเมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 11 กรกฎาคม เมื่อชาวบ้านละแวกวัดย่านยาว จ.พังงา ประมาณ 150 คน ได้ชุมนุมประท้วงขับไล่พระอธิการวิชิต พุทธวิชิโต เจ้าอาวาสวัดนิกรวราราม หรือวัดย่านยาว เนื่องจากไม่พอใจเจ้าอาวาสที่เพิ่งมารับตำแหน่งใหม่ได้วางกฎห้ามเล่นการพนันและห้ามดื่มเหล้าภายในวัด

                        รายงานข่าวระบุว่า ก่อนหน้านี้ญาติของผู้ที่นำศพมาบำเพ็ญกุศลในวัดได้เข้ามาเล่นการพนันและดื่มเหล้าในวัด วัดจึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม แต่กลุ่มผู้เล่นการพนันไหวตัวทันเลิกเล่นเสียก่อนแต่สร้างความไม่พอใจให้กับชาวบ้านกลุ่มดังกล่าวอย่างมาก นอกจากนี้ วัดย่านยาวยังปิดประตูด้านหลังที่กลุ่มมิจฉาชีพมักจะใช้เป็นเส้นทางหลบเลี่ยงตำรวจ โดยเฉพาะกลุ่มวัยรุ่นที่เข้ามามั่วสุม หรือกลุ่มรถซิ่งที่ใช้เส้นทางนี้เป็นทางสัญจร จนทำให้พระในวัดแทบไม่เป็นอันปฏิบัติกิจสงฆ์

                        ชาวบ้านรายหนึ่ง ระบุว่า ก่อนที่พระอธิการวิชิตจะมารับตำแหน่ง ได้มีเจ้ามือหวยหุ้นนำหวยหุ้นเข้าไปขายภายในวัด ทั้งพระทั้งโยมติดกันงอมแงม แต่เมื่อเจ้าอาวาสคนใหม่มาได้สั่งห้ามมีอบายมุขทุกอย่างภายในวัด ทำให้หลายฝ่ายเสียผลประโยชน์จึงรวมตัวกันออกมาขับไล่

                        นายสมพงษ์ เตี่ยวบำรุง หนึ่งในผู้ชุมนุม กล่าวว่า ไม่พอใจเจ้าอาวาสวัดย่านยาวรูปใหม่ เพราะเจ้าอาวาสรูปก่อนไม่มีกฎเกณฑ์อะไรมากมาย แต่เจ้าอาวาสรูปนี้กลับมาออกกฎที่เข้มงวด เช่น ห้ามเฝ้าศพและดื่มเหล้า ทั้งที่เป็นประเพณีของชาวบ้านที่ต้องเฝ้าศพและดื่มเหล้าบ้างเป็นธรรมดา ไม่เห็นว่าจะสร้างความเสียหายอะไรมากมาย

                        ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ระหว่างการชุมนุมมีผู้ชุมนุมหลายคนพยายามเข้าไปทำร้ายเจ้าอาวาส แต่ชาวบ้านบางส่วนได้ช่วยกันเอาไว้ ในที่สุดพระอธิการวิชิต เจ้าอาวาสวัดย่านยาว ต้องออกมารับปากกับผู้ชุมนุมว่า จะออกจากวัดย่านยาวไปประชุมพระสังฆาธิการที่ห้องประชุม อ.ตะกั่วป่า

                        การชุมนุมดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงเดียวกับที่นายกุเทพ ใสกระจ่าง ประธานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม เดินทางมารับทราบปัญหาของวัดในเขตพิบัติภัยสึนามิ พร้อมกับเจ้าคณะภาคที่ 17 ทั้งหมดถึงกับตกใจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้ให้ความเห็นใดๆ

                        ทั้งนี้ระหว่างที่พระอธิการวิชิตเดินเท้าออกจากวัดเพื่อไปร่วมประชุมที่ห้องประชุม อ.ตะกั่วป่า ระยะทางประมาณ 500 เมตร มีญาติโยมหลายรายนิมนต์ให้ขึ้นรถ แต่เจ้าอาวาสวัดย่านยาว กล่าวปฏิเสธโดยบอกว่า ขอเดินไปเองดีกว่า

                        พระอธิการวิชิต กล่าวยืนยันว่า เมื่อจะทำให้วัดเป็นวัด ก็จำเป็นต้องมีกฎมีเกณฑ์ มีความเป็นระเบียบ โดยเฉพาะเมื่อวัดย่านยาวเป็นวัดที่รู้จักกันไปทั่วโลกตั้งแต่เกิดภัยพิบัติสึนามิเป็นต้นมา

                        "อาตมาเห็นความไม่เหมาะสมในวัดมานานตั้งแต่เป็นเด็ก เมื่อมารับตำแหน่งเจ้าอาวาสจึงต้องมีกติกามาบังคับ เพื่อทำให้วัดเป็นวัดจริงๆ ชาวบ้านที่ขัดแย้งกับอาตมามีไม่กี่คน เฉพาะที่เสียผลประโยชน์เรื่องเช่าที่รอบๆ วัดที่ทำสัญญาแบบสบายๆ กับเจ้าอาวาสคนก่อน พออาตมามารับตำแหน่งเจ้าอาวาส จึงได้ตรวจสอบการเช่าและการทำประโยชน์ในวัดอีกหลายอย่าง เช่น การประมูลพวงหรีด ซึ่งเป็นการแสวงหาประโยชน์ที่ไม่น่าจะมาทำในวัด จึงสั่งห้ามและบอกให้ไปทำกันข้างนอก ทำให้พวกเขาไม่พอใจและมาชุมนุมขับไล่ แต่ที่เห็นรวมตัวกันร่วมร้อยคนนั้นเป็นคนที่มามุงดูเป็นส่วนใหญ่ อาตมาได้ปรึกษาพระผู้ใหญ่แล้วว่าจะออกจากวัดย่านยาวไปชั่วคราว เพื่อความสะดวกในการสอบสวนเรื่องราวที่เกิดขึ้น เพราะต้องการทำตามพระธรรมวินัยและรักษาศาสนา" เจ้าอาวาสวัดย่านยาว กล่าว

                        ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังพระอธิการวิชิตเดินทางมาประชุมที่ อ.ตะกั่วป่า กลุ่มชาวบ้านก็ได้ยอมสลายตัวไปในเวลา 13.30 น.

                        ขณะที่เจ้าอาวาสวัดย่านยาวกำลังต่อสู้เพื่อทำให้วัดเป็นวัด แต่ในวันเดียวกันก็มีรายงานถึงวัตรปฏิบัติที่ไม่เหมาะสมของเหลือบศาสนาที่ใช้ศรัทธาและผืนผ้าเหลืองบังหน้าหากินอย่างไม่เกรงกลัวบาปกรรมและมีจำนวนมากขึ้นทุกวัน โดยพระเทพเมธี เจ้าคณะกรุงเทพมหานครและหัวหน้าศูนย์พระวินยาธิการ ได้ออกมาเรียกร้องให้มีการกำจัดเหลือบศาสนาเหล่านี้อีกครั้ง ในระหว่างการกล่าวสัมโมทนียกถาในพิธีเปิดการประชุมสัมมนาพระวินยาธิการ ประจำปี 2548 ระหว่างวันที่ 11-13 กรกฎาคม ที่วัดยาง เขตสวนหลวง กทม. โดยมีพระวินยาธิการและเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเข้าร่วม 300 รูปและคน

                        พระเทพเมธี กล่าวว่า พระวินยาธิการ หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า "ตำรวจพระ" เป็นพระภิกษุผู้ทำหน้าที่สอดส่องดูแลพระภิกษุ-สามเณร ผู้มีอาจาระไม่เหมาะสม ประพฤตินอกธรรม นอกวินัยนั้น มีมาตั้งแต่ปี 2484 ต่อมาในปี 2500 ได้มีการยุบไป แล้วให้อำนาจขึ้นอยู่กับเจ้าอาวาสทั้งหมด แต่เจ้าอาวาสบางรูปมีอายุแก่มากแล้ว ดูแลพระภิกษุในสังกัดไม่ทั่วถึง จึงกลั่นกรองผู้ที่เข้ามาบวชได้ไม่เคร่งครัดเท่าที่ควร บางคนตั้งใจมาบวชก็ดีไป แต่มีบางคนไม่รู้จะทำอะไรเลยมาบวช ไม่ได้ตั้งใจศึกษาธรรม เข้ามาแค่อยากห่มผ้าเหลือง อุ้มบาตร ถือเครื่องธุดงค์ แล้วก็มุ่งหน้าเข้าสู่กรุงเทพฯ หรือหัวเมืองใหญ่ เพื่อหากินกับศรัทธาของพุทธศาสนิกชนสารพัดรูปแบบ

                        เจ้าคณะกรุงเทพมหานคร เผยต่อว่า พฤติกรรมเหลือบศาสนาเหล่านี้ มีตั้งแต่การออกเรี่ยไร เอาแต่เงิน ไม่เอาข้าว ดอกไม้ธูปเทียนก็ทิ้งไว้ข้างๆ ตีสนิทกับแม่ค้าขายข้าวแกงหน้าตลาด เวียนเทียนอาหารที่ญาติโยมซื้อมาถวายไปขายให้แม่ค้าอีกรอบ คิดราคากันเป็นบาตรๆ ไป แล้วแต่จะตกลงกัน บางพวกกินเหล้าเมายาจนทำให้ญาติโยมที่เห็นพฤติกรรมรู้สึกเสื่อมศรัทธาในพุทธศาสนาไปเลยก็มี ชาวบ้านร้องเรียนเรื่องนี้เข้ามายังสำนักปฏิบัติการพระวินยาธิการกรุงเทพฯ มากขึ้นทุกวัน ทำให้ทุกวันนี้งานของพระวินยาธิการจึงหนักมาก แม้ว่าจะมีเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติคอยช่วยเหลือ แต่พวกเขาก็เป็นข้าราชการ ทำงานเฉพาะในเวลาราชการเท่านั้น แต่พระที่ทำผิดทำไม่เลือกเวลา ไม่มีวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ไม่มีวันพระวันโกน เมื่อชาวบ้านร้องเรียนมาดึกดื่นแค่ไหน พระวินยาธิการก็ต้องไปปฏิบัติงาน

                        "โดยเฉพาะที่หมอชิต 2 กับหัวลำโพง จะพบเป็นประจำเลยว่า มีพระไม่จำวัดในกุฏิ แต่ไปนอนในรถตู้ พอรุ่งเช้าก็ออกบิณฑบาต ตกเย็นมาก็ถอดจีวรเที่ยว หรือตามตลาดทั่วไปจะมีพระนอกรีตไปยืนคอยตามร้านขายอาหาร เป็นเครื่องมือของแม่ค้าที่นิมนต์มาให้ยืนบิณฑบาต แล้วเช่าห้องให้พัก ที่ย่านท่าพระก็พบพระภิกษุรูปหนึ่งมีเงินในธนาคารเป็นแสนบาท ทั้งที่อาศัยอยู่เพิงเก่าๆ ของคนงานก่อสร้างในพงหญ้า พบว่าได้เงินจากการเรี่ยไร แม้จะไม่มีผู้เสียหายร้องเรียนแต่ก็จำนนด้วยหลักฐานจึงถูกจับสึกไป ส่วนใหญ่ไม่ใช่พระในกรุงเทพฯ แต่เป็นพระที่มาจากต่างจังหวัด แต่ละเดือนจับสึกกว่า 10 รูป” พระเทพเมธี กล่าว

                        ด้านพระครูศรีรัตนคุณ เจ้าคณะเขตบางซื่อและหัวหน้าพระวินยาธิการ กล่าวว่า จากการทำงานในหน้าที่พระวินยาธิการมากว่า 10 ปี พบว่าพระที่กระทำความผิดนั้นไม่ใช่พระจริง แต่เป็นพระปลอม บวชเข้ามาปักกลดย่านชุมชนและออกเรี่ยไร อย่างไรก็ดี เริ่มพบว่าปัญหาการออกตระเวนรถเรี่ยไรเงินตั้งองค์ผ้าป่าและฝังลูกนิมิตไม่มีหรือลดน้อยลงแล้ว

                        เจ้าคณะเขตบางซื่อ เผยอีกว่า ปัจจุบันในกรุงเทพฯ มีพระวินยาธิการประจำอยู่ 35 เขต และส่วนกลางอีก 1 คณะ ส่วนต่างจังหวัดมีประจำอยู่ประมาณ 42 จังหวัด แต่ยังไม่เพียงพอกับผู้กระทำผิด จึงอยากให้ญาติโยมช่วยกันเป็นหูเป็นตา ทำหน้าที่ในการปกป้องพระพุทธศาสนา ที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้มอบให้พุทธบริษัท 4 ช่วยกันรักษาสืบทอด อันได้แก่ ภิกษุสงฆ์ ภิกษุณี อุบาสก และอุบาสิกา

                        "ข้อสังเกตง่ายๆ สำหรับพระที่เข้าข่ายอาจาระไม่เหมาะสม 1.ย่ามใหญ่ผิดปกติกว่าพระทั่วไป เนื่องจากใส่ข้าวของเยอะ หรือมีย่ามมาก 2 ย่าม 3 ย่าม 2.จีวรไม่สะอาด สกปรกรกรุงรัง 3.บาตรที่ติดตัวจะใหญ่มาก ในมือถือกลด หากชาวบ้านพบพระลักษณะนี้ให้สงสัยไว้ก่อนว่าไม่ใช่พระจริง ให้ร้องเรียนไปยังพระวินยาธิการส่วนกลาง ตำรวจ หรือเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด ซึ่งทั้ง 3 ส่วนจะทำงานประสานกันอยู่แล้ว" พระครูศรีรัตนคุณ กล่าว

                        อย่างไรก็ดี เจ้าคณะเขตบางซื่อ ได้ฝากความเห็นว่า อยากให้มีการเปิดฮอตไลน์ หรือโทรศัพท์สายด่วนร้องเรียนพระวินยาธิการโดยตรง เพื่อจะได้ตรวจสอบได้ทันท่วงที ที่สำคัญอยากให้ฝ่ายบ้านเมืองเพิ่มบทลงโทษแก่ผู้ที่แอบเข้ามาบวชมากขึ้น จากปัจจุบันที่มีโทษสูงสุดเพียงจำคุก 1 ปี หากสารภาพก็ลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือเพียงรอลงอาญา หรือในที่สุดก็ไม่ติดคุก จึงไม่เกรงกลัวและกลับมากระทำผิดซ้ำ จึงควรเพิ่มโทษให้ถึงขั้นติดคุก เพื่อคนกระทำผิดจะได้เกรงกลัวหลาบจำ ไม่กลับมากระทำผิดซ้ำอีก

                        น.พ.จักรธรรม ธรรมศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) กล่าวว่า จะขอความร่วมมือสำนักเทศกิจกรุงเทพมหานคร ให้ช่วยสอดส่องพระที่มีพฤติกรรมดังกล่าว แล้วแจ้งกลับมาที่ พศ. เพื่อจะได้จัดการต่อไป พศ.ยินดีที่จะสนับสนุนงานของพระวินยาธิการ ที่มีความเคร่งครัดและแม่นยำในเรื่องพระธรรมวินัย รวมทั้งเชี่ยวชาญในการวินิจฉัยพฤติกรรมพระที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสมอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่าพระที่ประพฤติไม่ดีนั้นยังมีเพียงส่วนน้อยเมื่อเทียบกับพระส่วนใหญ่


ที่มา : หนังสือพิมพ์ข่าวสด
        วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2548

ข่าว/ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง.-
         เผยตำแหน่งรักษาการเจ้าอาวาสย่านยาวต้องได้รับเห็นชอบจากเจ้าอาวาส
         สมภารวัดย่านยาวรูปใหม่ ห้าม เหล้า-พนัน โยมฮือขับไล่ (สามารถแสดงความคิดเห็นได้)
         พศ.ส่งเจ้าคณะจว.แก้ปัญหาวัดย่านยาว
         สมภารวัดย่านยาวขอความเป็นธรรมเจ้าคณะภาค ๑๗
        

กลับไปหน้า Web วัดท่าไทร
ไป Web สำนักงานเจ้าคณะภาค ๑๖

ไป Web ศูนย์พัฒนาคุณธรรมภาคใต้
ไป Web วิทยุชุมชนตำบลท่าทองใหม่
ไป Web ชมรมวีอาร์ร้อยเกาะสุราษฎร์ธานี