หกโมงเช้า...ช่วงเวลา พระออกบิณฑบาต
แม้พระจะถูกสอนให้สำรวมกิริยา แต่ในยานี้
พระก็ ต้องหันซ้ายหันขวา มีสิ่งแปลกปลอมหรือไม่ โดยเฉพาะรถมอเตอร์ไซค์
ที่วิ่งผ่าน...ถ้าได้ยินเสียง ก็ต้องเหลียวหลัง
เหล่านี้ คือทุกข์ของพระ
ออกจากปาก พระลูกวัดนพวงศาวาส อ.เมือง ปัตตานี
และเมื่อเมืองปัตตานี...มีรถมอเตอร์ไซค์
ซึ่งคนย่านนั้นเรียกว่ารถเครื่อง เยอะ เพื่อความปลอดภัย พระท่านเดินเลาะไปตามไหล่ถนน
ความไม่สงบในพื้นที่สามจังหวัดใต้...เหตุฆ่ารายวัน
เกี่ยวโยงไปถึงพระสงฆ์ เวลาพระออกบิณฑบาต...แม้ว่าจะมีเจ้าหน้าที่ทหารคอยดูแลให้ความปลอดภัย
แต่ถ้าวันไหนทหารติดภารกิจ...ไม่ว่าง...ยังไงพระก็ต้องออกบิณฑบาต
พระจะไม่ออกบิณฑบาตในวันที่มีฝนตกหนัก
อันตรายที่อาจเกิดกับพระ...ไม่ใช่เพิ่งเกิดเมื่อไม่นานนี้
พระที่นี่มีอันตรายมาตั้งแต่วันที่ 4 มกราคม 2547 หลังเหตุการณ์ปล้นปืนค่ายทหารแล้ว
ตั้งแต่ช่วงนั้น
พระก็ถูกทำร้ายมาเรื่อย...
ผ่านไประยะหนึ่ง
เหตุการณ์เริ่มคลี่คลาย เหตุร้ายที่เกิดกับพระหายไปพักใหญ่ แล้วเหตุร้ายก็มาเริ่มขึ้นอีก...ช่วงที่มีการวางระเบิดที่นั่นที่นี่
ก็มีตำรวจก็เข้ามาดูแลพระอีก
โชคดีวัดนี้...อยู่ในเมือง
บิณฑบาตได้ในระยะใกล้ๆ ตอนแรกได้ยินข่าวขู่ห้าม ไม่ให้พระบิณฑบาต...พระก็หยุดบิณฑบาต
หรือไปก็แค่ใกล้ๆ
คำว่าใกล้ ที่พระว่า
ระยะทางเกือบ 4 กิโลฯ แยกไป สายลูสะมิแล ไปหลังเทศบาล ไปสายมะกรูด
โดยปกติก็จะมีเจ้าหน้าที่เดินตามหลัง
พระมีทหารตำรวจเดินตามก็อุ่นใจขึ้นมาหน่อย
แต่สถานการณ์ นี้ กลุ่มผู้ก่อเหตุร้ายเจาะจงทำร้ายเจ้าหน้าที่หรือทำร้ายพระ
อาตมาก็ไม่แน่ใจ...
พระวัดในเมืองมีทหารคุ้มกัน
พระวัดนพวงศาวาส คิดถึงพระวัดนอกเมือง...คงอยู่กันลำบาก เท่าที่ฟังมา
ไม่กล้าออกบิณฑบาต
หมู่บ้านชาวพุทธ
เคยทำบุญใส่บาตร ก็ไม่ทิ้งพระ แต่ละหมู่บ้าน ญาติโยมจะแบ่งเวรกันทำกับข้าวมาถวาย
หมุนเวียนกันคราวละ 3-4 บ้าน...บ้านนี้ถวายเช้า บ้านนี้ถวายเพล
ส่วนการทำบุญเป็นหมู่คณะ
เช่น ทอดผ้าป่า ทอดกฐินสามัคคี ที่เรียกว่าคณะทำบุญ ถามพระว่ามีมาบ้างหรือไม่
ถึงมี...ก็น้อย...
พระตอบเสียงแผ่ว
เข้าพรรษาที่ผ่านมา
ญาติโยมจะมาวัดสวดมนต์ไหว้พระช่วงทุ่ม เดี๋ยวนี้ สี่โมงเย็นก็รีบมา
มาแล้วก็รีบกลับ นี่ว่าเฉพาะชาวบ้านบ้านใกล้ ใครบ้านไกลก็ไม่มาเลย
เมื่อญาติโยมเข้าวัดทำบุญน้อย
มีผลให้พระตามวัดน้อยลงไปด้วย ช่วงเทศกาลใหญ่ ประจำปีที่ปัตตานี เคยมีพระร่วมงาน
50-60 วัด แต่ปีนี้เหลือแค่ 22 วัด
ทุกปีเบียดกันแน่น
ปีนี้เหลือไม่เกินครึ่ง...ปีนี้ภัยธรรมชาติไม่มี แต่กลัวภัยคนมากกว่า
วันนี้...วัดนพวงศาวาสมีพระจำพรรษา
12 รูป รวมเณร...ทหารบวช งาน 72 พรรษาอีก 2 รูป พระลูกวัดบอกว่า ปกติช่วงเข้าพรรษา
พระจะบวชเยอะ 20-22 รูป น้อยที่สุด 18 รูป
ปีนี้...มีคนตั้งใจจะบวชกันเยอะ
แต่มีพระบวชใหม่แค่ 2 รูป เพราะเหตุการณ์ไม่ปกติ พ่อแม่กลัวอันตราย...ไม่กล้าให้ลูกบวช
วัดอื่นๆคงมีปัญหาเดียวกัน
พระจำพรรษาน้อย พระบวชใหม่ก็น้อย...ยิ่งวัดนอกเมืองพระยิ่งไม่มี คณะสงฆ์ต้องแก้ปัญหาด้วยการส่งพระธรรมทูตจากส่วนกลางมาจำพรรษาให้ครบวัดละ
5 รูป หลังออกพรรษาไปแล้ว...วัดจะได้รับทอดกฐินได้
พระวัดนพวงศาวาสบอกอีกว่า
สถานการณ์ในเมืองคงไม่อันตรายเท่าไหร่...เพราะคนอยู่เยอะ ข่าวที่สื่อออกมา
คนนอกพื้นที่อาจมองว่าสถานการณ์ดูน่ากลัว แต่โดยรวมอาจไม่รุนแรงขนาดนั้น
เหตุการณ์ร้ายๆเกิดขึ้นเฉพาะจุด...นอกเมือง
ในเมืองไม่ค่อยมีปัญหา แต่กระนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้คนทุกพื้นที่...ระวังตัวมากขึ้น
คนในพื้นที่จริงๆ
ยังอยู่ปกติ แต่ต้องระวังตัว...ไม่ไปไหนตอนกลางคืน
ปกติ...เมืองปัตตานี
กลางคืนมีคนเยอะ วัยรุ่นขี่รถเครื่องเต็มไปหมด เดี๋ยวนี้ 2 ทุ่มเงียบ...มองในแง่ดีมันก็ดีที่ถนนโล่ง
แต่เศรษฐกิจค้าขายน้ำชา กาแฟ มันกระทบไปหมด
ญาติโยมที่ค้าขายเล่าทุกข์ร้อนให้ฟัง...ตั้งแต่ต้นปีขายของได้น้อย
ร้านเล็กๆ...ปกติขายได้วันละ 2,000 ตอนนี้เหลือ 1,000-800 บาท บางวันแย่
ได้แค่...300-400 บาท
ญาติโยมมีทุกข์ร้อนขนาดนี้
คนเข้าวัดทำบุญก็น้อยลง?
คนที่เข้าวัดทำบุญก็เข้าเป็นปกติ
ส่วนคนที่ไม่เข้า ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์อะไร...ก็ยังไม่เข้า
ทุกข์ร้อนของพระและวัดในสามจังหวัดใต้
เท่าที่พูดคุยกับพระด้วยกัน ทั้งในเมืองและนอกเมือง พอสรุปได้ว่า...รัฐบาลไม่ได้สอดส่องดูแล
ไม่ว่าในชั้นการเข้ามาถามสุขทุกข์... หรือจะช่วยด้วยการสนับสนุนปัจจัย
ปัจจัยที่มีเข้ามา...มีแต่เงินส่วนกลางจากคณะสงฆ์
เก็บนิตยภัต พระที่มีสมณศักดิ์ทั่วประเทศ หนึ่งถึงสามพันบาท ไว้ปีละ
1 เดือน แบ่งจ่าย 2 ช่วง คือ ช่วงแรก ถวายพระในสามจังหวัดใต้ เป็นรายเดือน
รูปละ 100 บาท
แต่ช่วงหลัง เพิ่มให้เป็นรายปี
เป็นรูปละ 4,500 บาท
เงินนิตยภัต
ไม่เกี่ยวกับเงินรัฐบาล...เป็นเงินพระช่วยพระ...รัฐบาลไม่ดูแลพระ พระก็ต้องดูแลพระ
พระวัดนพวงศาวาสรูปนี้
บวชมานาน จำได้ ตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายาย คนไทยพุทธ...ไทยอิสลาม อาศัยร่วมกัน
คละกันไป ไม่เคยมีปัญหาอะไรเลย
ถ้าไม่มีบุคคล
เป็นตัวการตั้งใจให้เป็นเช่นนี้ คนในพื้นที่ก็คงอยู่กันเป็นปกติ...
อยู่เป็นเพื่อนบ้านใกล้ชิดกัน ต่างกันเพียงนับถือคนละศาสนา
แม้จะอยู่แต่ในวัด
แต่พระท่านก็มีญาติโยมบอกข่าว ปีนี้แม้มีเหตุการณ์ร้ายๆเกิดขึ้นมากมาย...เพื่อนบ้านที่อยู่ด้วยกัน
ก็ไม่มีปัญหาอะไรกัน เชื่อว่า...คนก่อเหตุในแต่ละพื้นที่คงมีไม่กี่คน
พวกนี้เป็นคนส่วนน้อย
คอยชักใบให้เรือเสีย
คนที่อยู่ก็อยู่กันปกติ
คนที่ก่อปัญหาก็อยู่อีกส่วนหนึ่ง เป็นส่วนน้อยที่เป็นส่วนหัวคอยดึงดูดสมัครพรรคพวก
ชักชวน...วัยรุ่นตามหมู่บ้าน ให้เป็นอย่างนั้น แต่กับคนรุ่นเก่า...คนเฒ่าคนแก่ก็ยังอยู่กันได้เหมือนพี่เหมือนน้อง
คิดว่าปัญหาความไม่สงบที่เกิดขึ้นจะจบลงได้หรือไม่?
คงจะยาก...
หากกรรมวิธีต่างๆในการแก้ปัญหา...ไม่ถูกจุด
ปัญหาก็ยังเป็นอย่างนี้ แต่ถ้าแก้ปัญหาถูกจุด...เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เกิดเพราะอะไร ใครทำ... ทำเพื่ออะไร หรือต้องการอะไร
ปัญหาในตอนนี้
ไม่มีใครรู้ว่า...เหตุการณ์ร้ายๆที่เกิดขึ้น เกิดเพราะอะไร...มีจุดประสงค์อะไร
ชาวบ้านทั่วไปอยู่ไม่สุข พระก็พลอยทุกข์ไปด้วย
ยังดี...ที่พระในเมืองยังพอมีกิจนิมนต์
แต่พระวัดนอกเมืองไม่มีกิจนิมนต์ ย่อมขาดแคลนสิ่งต่างๆมาก
สถานการณ์แบบนี้พระยิ่งจำเป็นต้องพึ่งพาปัจจัย
ปัจจัยเป็นสิ่งสำคัญของ ทุกคน...อาตมาอยากให้ รัฐบาลดูแลจัดสรรงบประมาณช่วยเหลือพระบ้าง
พระนอกเมืองจะได้มีกำลังใจ เป็นกำลังใจของประชาชน เป็นกำลังของศาสนาต่อไป.
ที่มา: นสพ.ไทยรัฐ 14 ธ.ค.47
|