เจ้าอาวาสวัดสามัคคีธรรมถือโอกาสชี้แจงข้อครหาที่ทำให้คนเข้าใจผิดในงานทำบุญครบ
100 วันสึนามิ ชี้สื่อเสนอความด้านเดียว ไม่เคยมาขอคุยกับทางวัดเลยว่าความจริงเป็นอย่างไร
แต่พร้อมอโหสิที่ผ่านมา เพราะทุกวันนี้ความจริงได้ปรากฏแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานกิจกรรมครบ
100 วัน เหตุการณ์สึนามิ เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ที่วัดสามัคคีธรรม อ.คุระบุรี
จ.พังงา ได้มีการจัดพิธีอุปสมบทสามเณร จำนวน 100 รูป และนอกจากนั้นยังมีการเปิดเวทีเสวนาเพื่อให้ชาวบ้านที่ประสบภัยจากคลื่นยักษ์มาเล่าถึงปัญหา
และสิ่งต่างๆ ที่ยังไม่ได้รับความช่วยเหลือ โดยในครั้งนี้มูลนิธิรักษ์ไทยดูแลและให้ความช่วยเหลือในการจัดงานเป็นอย่างดี
ด้าน
พระครูสุวัตถิธรรมรัต เจ้าคณะอำเภอคุระบุรี และเจ้าอาวาสวัดสามัคคีธรรม
ต.แม่นางขาว อ.คุระบุรี จ.พังงา ซึ่งอดีตเป็นศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยสึนามิที่ใหญ่ที่สุด
เผยเป็นครั้งแรกถึงเรื่องราวเมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา ถึงเรื่องความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเงินบริจาค
ของบริจาค รวมทั้งตั้งเงื่อนไขในการรับบริจาค กีดกันหน่วยงานราชการ
และทำงานรับบริจาคแบบเบ็ดเสร็จว่า เรื่องทั้งหมดเปรียบเสมือนเหรียญที่มีอยู่
2 ด้าน สื่อเสนอเพียงด้านเดียว ไม่มีใครมาถามถึงความเป็นจริงว่าเป็นอย่างไร
คนก็เข้าใจกันไปผิดๆ และไม่มีใครสนใจจะเสนอมุมมองของเหรียญอีกด้าน
"เรื่องที่ผ่านมาที่มีข่าวเสนอว่า
ทางวัดมีพฤติกรรมที่น่าสงสัยหลายอย่าง ทั้งรั้งคนให้อยู่ที่วัดเพื่อจะได้เงินบริจาคมากๆ
การบริจาคจะต้องทำผ่านวัดให้วัดเป็นคนกลาง มีปัญหาเรื่องการประสานงานกับหน่วยงานราชการ
รวมทั้งต้องการบริหารทุกอย่างเอง และตั้งเงื่อนไขต่างๆ นานาในการช่วยเหลือ
เรื่องราวต่างๆ ถูกเสนอออกมาอย่างบิดเบือน เป็นการฟังความข้างเดียว
ไม่รู้เรื่องราวทั้งหมด คนที่ไม่รู้ก็รุมตำหนิวัดว่าทำไม่เหมาะสมทั้งที่ช่วยเหลือประชาชนมาตลอด"
เจ้าอาวาสกล่าวต่อว่า
อย่างเรื่องที่บอกว่ามีศูนย์รับบริจาค 3 ที่
คือ ที่วัดสามัคคีธรรม โรงเรียนคุระบุรีพิทยาคม และ สนง.เทศบาล อ.คุระบุรี
จริงๆ แล้วตอนแรกมีที่วัดแห่งเดียว แต่พอของบริจาคมากก็เอาไปฝากไว้ในที่ที่กล่าวมา
บอกว่าวัดตั้งเงื่อนไขบริจาคและรับบริจาค จริงๆ คือวัดมีการจัดสรรของอย่างดี
เมื่อมีคนอยู่มากเป็นพันคน การจะให้บริจาคกันตามสบายก็จะทำให้ไม่สะดวก
ทุกคนก็จะได้รับของกันไม่ทั่วถึง วัดจึงแยกของเอาไว้ให้แบ่งเป็นของระยะสั้น
ระยะยาว ส่วนที่ห้ามบริจาคต้องผ่านวัดก่อนก็ไม่มี
จะมีบ้างก็พวกที่มาเป็นตู้คอนเทนเนอร์อย่างข้าวสาร
ก็ต้องให้เอาไปเก็บไว้ในโกดังให้เป็นที่ เพราะพื้นที่ไม่พอ ความจริงก็เพียงแค่นี้
เรื่องจริงที่คนทั่วไปยังไม่รู้ยังมีอีกมาก จะรู้ก็แต่ที่ได้เคยเสนอไป
เป็นเรื่องที่เสียหายกับวัดทั้งสิ้น ไม่เห็นมีใครจะสนใจเสนอในเรื่องความจริงเลย
"เรื่องนี้ก็ผ่านมาเกือบ
3 เดือนแล้ว ทุกอย่างก็เงียบแล้ว แต่คนก็ยังฝังใจกับภาพไม่ดีของวัดที่ทางสื่อเสนอออกไปอยู่
วันนี้มีโอกาสพูดก็อยากอธิบายให้คนที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ได้เข้าใจ
ทุกอย่างที่วัดทำก็เพื่อช่วยเหลือประชาชน มีหลักฐานตรวจสอบได้ทุกอย่าง
อยากให้เข้าใจให้ถูกต้อง หรือถ้าต้องการความจริงถ้ามาในพื้นที่แล้วจะรู้
ถึงวันนี้วัดถูกมองไม่ดีมาตลอด อยากฝากให้สังคมอย่าด่วนสรุปกับสิ่งต่างๆ
ที่เกิดขึ้น อยากให้ไตร่ตรองดูก่อน เรื่องอย่างนี้ต้องมีทั้งคนที่พอใจและไม่พอใจ
แต่ทุกอย่างที่ทำต้องขึ้นอยู่กับประโยชน์ของส่วนรวม ส่วนความช่วยเหลือของทางวัด
ตอนนี้ดูแลคนที่ลำบากมากอยู่ 109 คน และคนอพยพอีก 197 คน ทุกวันต้องให้เงินและส่งเด็กเรียนหนังสือ
68 คน เป็นงานที่ทางวัดจะต้องทำทุกวัน และเรื่องเงินบริจาคก็ตรวจสอบได้เสมอ
เงิน 1 ล้านบาทก็อยู่ที่ธนาคารออมสิน ตั้งเป็นกองทุนสามัคคีธรรมนำสังคม
เพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยในระยะยาว เรื่องทั้งหมดส่วนตัวไม่ติดใจอะไร
เชื่อว่าเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์เรื่องราวความไม่เข้าใจทั้งหมดได้เอง"
เจ้าอาวาสกล่าว
ที่มา
: นสพ.ไทยโพสต์ 6 เม.ย.48
|