เมื่อวันที่
11 พ.ค. ผู้สื่อข่าวจังหวัดพังงา ได้รับแจ้งจาก นายทวี แพใหญ่ กำนันตำบลลำแก่น
อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ว่าที่บริเวณลานวัดลานธรรมวัดหลักแก่น ต.ลำแก่น
เกิดเมรุเผาศพชำรุดจนต้องทุบทิ้ง ภายหลังจากที่ใช้เผาศพไร้ญาติชาวต่างชาติที่ประสบภัยธรณีพิบัติคลื่นยักษ์สึนามิ
เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.ที่ผ่านมา จนทำให้เมรุพัง เนื่องจากการใช้งานในช่วงเกิดเหตุธรณีพิบัติอย่างหนัก
ต่อมาได้มีเจ้าหน้าที่ยืนยันจะจัดงบประมาณจำนวนหนึ่งให้ซื้อเมรุใหม่ให้กับวัดหลักแก่นเพื่อใช้งานประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป
แต่จนบัดนี้ไม่มีการก่อสร้างเมรุใหม่ตามที่ได้ลั่นวาจาเอาไว้
วันเดียวกันนี้ ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปดูเมรุเผาศพที่วัดหลักแก่น
พระประยูร พระลูกวัดอายุ 68 ปี ได้นำผู้สื่อข่าวเข้าไปชมเมรุเผาศพรุ่นใหม่
พร้อมกับกล่าวว่า ทีแรกจะมีการวางแปลนจัดสร้างคงจะอยู่บนที่สูง แต่พอคนที่เอามาเขาก็บอกว่าตั้งแค่นี้ก็พอแล้ว
ส่วนคนที่ดูแลก็มีเจ้าหน้าที่ของอบต.ลำแก่น ได้ช่วยเข้ามาดูแล มีทั้งเครื่องเป่าลม
เครื่องเป่าน้ำมัน เครื่องไฟฟ้าทั้งสองด้าน แต่ไม่มีหลังคามุง แบบนี้เชื่อต้องพังแน่นอน
ยิ่งฝนตกหนักแบบนี้ก็คงจะทำให้ระบบไฟฟ้าอาจจะเสียได้
ด้าน พระครูพริ้ง ปุณฺณโก เจ้าอาวาสวัดหลักแก่น
กล่าวว่า หลังจากที่เกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์สึนามิ วัดหลักแก่นก็ได้ถูกจัดตั้งให้เป็นศูนย์อพยพหลบภัยและที่เก็บศพของผู้เสียชีวิตจำนวนมาก
จนทำให้วัดล้นไปด้วยผู้คนที่อพยพมาอาศัยอยู่ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
ด้วยระยะเวลาเกือบ 10 วันเต็มๆ ที่เป็นลานวัดลานธรรมที่มีแต่ศพ จนต้องมีการเผาศพกันกลางแจ้งตั้งแต่หลังวันเกิดเหตุ
เนื่องจากว่า ศพเริ่มเน่าเหม็นจนทนกันไม่ไหว ต้องเผาทุกนาที ทั้งเมรุที่เผาก็เกิดชำรุดปล่องไฟแตก
แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังช่วยกันเผาเพราะว่าศพที่ตายมีมากเสียเหลือเกิน
ต่อมามีเจ้าหน้าที่รัฐบาลคนหนึ่งได้อนุมัติว่าจะเอาเมรุเผาศพมาให้กับวัดหลัก
จนบัดนี้ก็เอาเมรุเผาศพมาให้จริงจำนวนทั้งจังหวัด 6 เตา แต่ไม่มีการสร้างเตาเผาแต่อย่างไร
หลังคาก็ไม่มี เอาไปตั้งกลางแจ้ง ชาวบ้านก็เอาศพมาเผาก็เผากันไปตามยถากรรม
เพราะเมรุเก่าก็ต้องรื้อทิ้งเนื่องจากมันพัง ใช้งานไม่ได้ คณะกรรมการวัดก็ช่วยกันรื้อทิ้ง
ส่วนที่เอามาตั้งให้ใหม่ก็ไม่มีหลังคา
"ตั้งแต่ที่เกิดเหตุการณ์มาวัดหลักแก่นได้เพียงโล่ที่นางสุดารัตน์
เกยุราพันธุ์ รมว.สาธารณสุข สมัยนั้นมอบให้เท่านั้น ส่วนความเสียหายที่ได้รับตั้งหลายสิบล้านบาท
แต่ไม่มีใครรับผิดชอบเลยจนถึงบัดนี้" พระครูพริ้งกล่าว
ที่มา : นสพ.ข่าวสด 12 พ.ค.48 .
|