ผมอ่านข่าวการให้สัมภาษณ์ของผู้ว่าราชการจังหวัดทางภาคอีสานท่านหนึ่งด้วยความไม่สบายใจ
เนื่องเพราะท่านได้ให้สัมภาษณ์ว่า ได้มีคำสั่งด่วนแจ้งไปยังสำนักพระพุทธศาสนาทุกอำเภอในจังหวัด
ให้แจ้งไปยังเจ้าอาวาสทุกวัดในจังหวัดตรวจสอบพฤติกรรมของพระลูกวัดทุกรูป
เกี่ยวกับการปฏิบัติกิจของสงฆ์ หลังมีพระเล่นไฮไฟว์ชักชวนผู้หญิงเข้ามาในกุฏิ
สร้างความเสื่อมเสียแก่พระพุทธศาสนาเป็นอย่างมาก
โดยมีคำสั่งห้ามพระนำคอมพิวเตอร์ที่ต่ออินเตอร์เน็ตเข้าไปติดตั้งในกุฏิ
จะมีได้เฉพาะห้องสวดมนต์หรือศาลาวัดเท่านั้น ซึ่งจังหวัดจะส่งเจ้าหน้าที่และตำรวจเข้าไปตรวจสอบพร้อมกับการจัดระเบียบ
หากพบว่ามีวัดใดฝ่าฝืนจะสอบถามเจ้าอาวาสก่อน จากนั้นจะส่งเรื่องไปยังสำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติให้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเอาผิดวินัยสงฆ์
อาจถึงขั้นจับสึกได้ทันที
ที่ผมบอกว่าอ่านข่าวด้วยความไม่สบายใจนั้น มิใช่ไม่สบายใจเพราะพระไปเล่นอินเตอร์เน็ตหรือเล่นไฮไฟว์
แต่ไม่สบายใจเนื่องจากเห็นว่าโดยปกติแล้วศาสนจักรกับอาณาจักรหรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่าฝ่ายบ้านเมืองนั้นจะแยกออกจากกัน
การปกครองของพระสงฆ์องค์เจ้าจะมีระเบียบแบบแผนเป็นการเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นวินัยสงฆ์หรือกฎหมายที่เกี่ยวกับคณะสงฆ์
คือ พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.๒๕๐๕ และแก้ไขเพิ่มเติม ที่กำหนดไว้ชัดเจนว่าพระสงฆ์องค์เจ้าท่านปกครองกันอย่างไร
ที่สำคัญก็คือ
"การสึกพระ" หรือการที่จะให้พระภิกษุสงฆ์พ้นจากสมณเพศก็ได้มีบัญญัติชัดเจนไว้ในหมวดนิคหกรรมและการสละสมณเพศ
ดังนี้
มาตรา
๒๕ ภายใต้บังคับมาตรา ๒๔ มหาเถรสมาคมมีอำนาจตรากฎมหาเถรสมาคมกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการปฏิบัติ
เพื่อให้การลงนิคหกรรมเป็นไปโดยถูกต้องสะดวกรวดเร็วและเป็นธรรม และให้ถือว่าเป็นการชอบด้วยกฎหมาย
ที่มหาเถรสมาคมจะกำหนดใน กฎมหาเถรสมาคมให้มหาเถรสมาคมหรือพระภิกษุผู้ปกครองสงฆ์ตำแหน่งใดเป็นผู้มีอำนาจลงนิคหกรรมแก่พระภิกษุผู้ล่วงละเมิดพระธรรมวินัย
กับทั้งการกำหนอให้การวินิจฉัยการลงนิคหกรรมให้เป็นอันยุติในชั้นใด
ๆ นั้นด้วย
มาตรา
๒๖ พระภิกษุรูปใดล่วงละเมิดพระธรรมวินัยและได้มีคำวินิจฉัยถึงที่สุด
ให้ได้รับนิคหกรรมให้สึก ต้องสึกภายในยี่สิบสี่ชั่งโมง นับแต่เวลาที่ได้ทราบคำวินิจฉัยนั้น
มาตรา
๒๗ เมื่อพระภิกษุรูปใดต้องด้วยกรณีข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(๑)
ต้องคำวินิจฉัยตามมาตรา ๒๕ ให้รับนิคหกรรมไม่ถึงให้สึก แต่ไม่ยอมรับนิคหกรรมนั้น
(๒)
ประพฤติล่วงละเมิดพระธรรมวินัยเป็นอาจิณ
(๓)
ไม่สังกัดอยู่ในวัดใดวัดหนึ่ง
(๔)
ไม่มีวัดเป็นที่อยู่เป็นหลักแหล่ง
ให้พระภิกษุรูปนั้นสละสมณเพศตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดใน
กฎมหาเถรสมาคม
พระภิกษุผู้ต้องคำวินิจฉัยให้สละสมณเพศตามวรรคสอง
ต้องสึกภายในสามวัน นับแต่วันที่ได้รับสามคำวินิจฉัยนั้น"
มาตรา
๒๘ พระภิกษุรูปใดต้องคำพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย ต้องสึกภายในสามวันนับแต่วันที่คดีถึงที่สุด
มาตรา
๒๙ พระภิกษุรูปใดถูกจับโดยต้องหาว่ากระทำความผิดอาญา เมื่อพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการไม่เห็นสมควรให้ปล่อยชั่วคราว
และเจ้าอาวาสแห่งวัดที่พระภิกษุรูปนั้นสังกัดไม่รับมอบตัวไว้ควบคุม
หรือพระภิกษุรูปนั้นมิได้สังกัดในวัดใดวัดหนึ่ง ให้พนักงานสอบสวนมีอำนาจจัดดำเนินการให้พระภิกษุรูปนั้นสละสมณเพศเสียได้
มาตรา
๓๐ เมื่อจะต้องจำคุก กักขังหรือขังพระภิกษุรูปใดตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล
ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการให้เป็นไปตามคำพิพากษา หรือคำสั่งของศาลมีอำนาจดำเนินการให้พระภิกษุรูปนั้นสละสมณเพศเสียได้
และให้รายงานให้ศาลทราบถึงการสละสมณเพศนั้น
จะเห็นได้ว่าไม่มีบทบัญญัติแห่งกฎหมายใดที่บัญญัติหรือที่เทียบเคียงได้ว่าห้ามพระนำคอมพิวเตอร์ที่ต่ออินเตอร์เน็ตเข้าไปภายในกุฏิ
ซึ่งเจตนาของการที่จะมีมาตรการห้ามพระนำคอมพิวเตอร์ที่ต่ออินเตอร์เน็ตเข้าไปภายในกุฏินั้น
อาจจะมองว่าเป็นการป้องปราม ด้วยเกรงว่าจะเป็นสิ่งที่ชักนำให้พระกระทำผิดวินัยสงฆ์
ซึ่งดูไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย
อินเตอร์เน็ตนั้นเป็นที่ยอมรับกันแล้วว่าเป็นนวัตกรรมที่มีคุณค่าอเนกอนันต์
แต่แน่นอนก็ย่อมมีโทษอยู่บ้างหากนำไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม แต่การที่จะนำข้อบกพร่องเพียงเล็กน้อยของพระสงฆ์ที่นอกรีตนอกรอยบางรูปบางองค์มาสั่งห้ามย่อมไม่ถูกต้อง
(ซึ่งจริง ๆ แล้วฝ่ายบ้านเมืองไม่มีอำนาจตามกฎหมายด้วยซ้ำไปที่จะกระทำเช่นนั้น)
หากเราห้ามพระมิให้ต่อเน็ตเข้ากุฏิ(ซึ่งจริง
ๆ แล้วก็คงห้ามไม่ได้หรอกพราะสามารถใช้ระบบไร้สายหรือ wirelessได้)
ก็คงต้องห้ามอะไร ๆ อีกหลายอย่าง อาทิ ห้ามพระอยู่องค์เดียวหรือเข้าไปในห้องน้ำองค์เดียวเพราะอาจจะล่วงอาบัติสังฆาทิเสสด้วยการทำมิดีมิร้ายต่อตนเอง
เป็นต้น
ศาสนจักรกับอาณาจักรเป็นของคู่กัน
เมื่อใดศาสนจักรครอบงำอาณาจักร เมื่อนั้นก็อาจได้เห็นคนถูกทำโทษด้วยเหตุที่ทำไม่ถูกใจ
เช่น การถูกเผาให้ตายทั้งเป็นด้วยข้อหา "แม่มด" หรือถูกแอนตี้จากวัดและชุมชนด้วยข้อหาว่าเป็น
"ปอบ"บ้าง ฯลฯ และในทำนองกลับกัน เมื่อใดอาณาจักรครอบงำศาสนจักรหรืออีกนัยหนึ่งก็คือฆราวาสปกครองพระ
เราก็จะเห็นความปั่นป่วนวุ่นวายทุบตีทำร้ายพระสงฆ์ ดังเช่น ในพม่าหรือในทิเบต
เป็นต้น
เราจะยอมให้เป็นเช่นนั้นล่ะหรือ
?
-------------------------
หมายเหตุ เผยแพร่ครั้งแรกในกรุงเทพธุรกิจฉบับประจำวันพุธที่
๒๖ มีนาคม ๒๕๕๑
http://www.prachatai.com/journal/2008/03/16191
*******************
|