"การเรี่ยไรนอกวัด" จะในจังหวัดหรือข้ามจังหวัด ในอำเภอหรือนอกอำเภอ ล้วนแล้วแต่จะต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานก่อนจึงจะดำเนินการได้
โดย พระมหาบุญโฮม ปริปุณฺณสีโล (ไชยฤทธิ์) วัดท่าไทร ต.ท่าทองใหม่ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ๘๔๒๙๐

        การที่มีบุคคล กลุ่มบุคคลทำการเรี่ยไร โดยอ้างวัด เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งกระบวนการ ขั้นตอน และวิธีการ โดยนอกจากจะผิด พรบ.ควบคุมการเรี่ยไร แล้ว ยังผิด พรบ.จราจร และกฎหมายอาญา "ฐานฉ้อโกง" และที่สำคัญเอกสารดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้กระทำอาจมีความผิดกฎหมายอาญา (ความผิดเกี่ยวกับเอกสาร) ม.264, 265, 266, 267, 268, 269 มีโทษทั้งจำทั้งปรับ อีกด้วย และบรรดาทรัพย์สินซึ่งได้ใช้ในการกระทำความผิด เพื่อจูงใจบุคคลให้กระทำความผิด หรือเพื่อเป็นรางวัลในการที่บุคคลได้กระทำความผิด อาจถูกศาลริบเสียได้ เว้นแต่ทรัพย์สินนั้นเป็นของผู้อื่นซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด

        ประเด็นสำคัญที่คนทั่วไป แม้แต่กระทั่งเจ้าอาวาสหลายรูปและพระภิกษุสามเณรทั่วไม่รู้และเข้าใจก็คือ "เจ้าอาวาสไม่มีอำนาจอนุญาตให้ผู้ใด นิติบุคคลใด หรือคณะใด ทำการเรี่ยไรนอกวัดของตนเองได้มิว่ากรณีใด ๆ ทั้งสิ้น" …. ขณะเดียวกัน การจะออกเอกสารอนุญาตให้ทำการเรี่ยไรได้นั้น มีระเบียบปฏิบัติซึ่งกำหนดไว้อย่างชัดแจ้ง มีกระบวนการ ขั้นตอน และวิธีการที่มิใช่ง่าย โดยเจ้าอาวาสที่มีความประสงค์จะทำการเรี่ยไร จะต้องยื่นหนังสือเพื่อขออนุญาตพร้อมหลักฐานประกอบการพิจารณายื่นเพื่อขออนุญาตไปตามลำดับชั้นจนถึงคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรจังหวัด….. เมื่อคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรจังหวัด… เห็นชอบแล้ว เจ้าคณะจังหวัดในฐานะ "ประธานคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรจังหวัด…" จึงจะออกหนังสืออนุญาตให้ … (แต่ในการปฏิบัติจริง "คณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรจังหวัด…ยังไม่เคยออกหนังสืออนุญาตให้ผู้ใดทำการเรี่ยไรให้แก่ใครทั้งสิ้น" แม้แต่ฉบับเดียว โดยเหตุผลเดียวคือเศรษฐกิจไม่ดี จึงไม่ประสงค์จะให้มีการซ้ำเติมประชาชน)

        หากพบเจอการเรี่ยไรลักษณะดังกล่าว ซึ่งเป็นการกระทำของมิจฉาชีพ อ้างวัด อ้างเจ้าอาวาสทำการเรี่ยไร โดยที่วัดและเจ้าอาวาสไม่มีส่วนรู้เห็นด้วยแต่อย่างใด ทั้งที่ในเอกสารมีลายมือ/ลายเซ็นต์เจ้าอาวาสและมีตราประทับวัด แต่มิใช่ลายมือจริงของเจ้าอาวาส และมิใช่รอยตราประทับที่วัดใช้อยู่จริง สรุปคือปลอมทั้งลายมือและตราประทับ (เท่าที่พิสูจน์ทราบและนำจับมานานกว่า 27 ปี) ประชาชนที่หลงกลบริจาคทุกคนจึงเป็นผู้เสียหาย มีสิทธิ์แจ้งให้ ตำรวจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน (เจ้าพนักงานปกครอง) ดำเนินการตามกฎหมาย หรือคณะสงฆ์ทำการตรวจสอบ หรือดำเนินการตามกฎหมายได้ หากต้องการเป็นเจ้าทุกข์ ทำได้ง่าย ๆ เพียงให้เงินไปจำนวนหนึ่ง และถ่ายสำเนาแบ้งค์ที่ทำบุญ มีพยานรู้เห็น หรือภาพถ่ายประกอบ เพียงเท่านี้ก็เข้าองค์ประกอบตามกฎหมายแล้ว ครับ


ข้อสังเกต.-
        1.ผู้จะทำการเรี่ยไร จะต้องได้รับอนุญาตทั้งจากฝ่ายบ้านเมืองและทางคณะสงฆ์(มีหนังอนุญาต ซึ่งปิดโดยเปิดเผย) หากไม่มีหนังสืออนุญาต มีความผิดเรี่ยไรโดยไม่ได้รับอนุญาต (ผิด พรบ.ควบคุมการเรี่ยไร)
        2.ที่พักสงฆ์ สำนักสงฆ์ ไม่เป็นนิติบุคคล จึงไม่มีสิทธิ์ได้รับอนุญาตเรี่ยไรตามกฏหมาย
........................
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ชาวพุทธควรรู้.-
        พระสงฆ์ไทย ท่านออกประกาศและถือปฏิบัติโดยทั่วกันมาตั้งนานแล้วว่า (1) ไม่เรี่ยไรนอกวัดที่ตัวเองอยู่ และไม่อนุญาตให้ใครเรี่ยไรแทนตนนอกวัด ยกเว้น "มีเหตุจำเป็นและจะต้องได้รับอนุญาตจากประธานคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรจังหวัด" เท่านั้น แต่ในความเป็นจริง คณะกรรมการดังกล่าว ยังไม่เคยอนุญาตให้วัดใดเรี่ยไรเลย และมีมติไว้ว่าถึงแม้จะมีอำนาจอนุญาตแต่ก็จะไม่อนุญาต) (2) รับบิณฑบาตเฉพาะของที่โยมตักบาตร (3) ไม่ออกบากเรียกให้ใครมาใส่บาตร (4) ไม่เลือกรับเฉพาะเงินหรือสิ่งที่ตัวเองต้องการ (5) หากจำเป็น จะขอเฉพาะบาตร จีวรเท่านั้นจากญาติใกล้ชิดและผู้ปวารณา/แจ้งความประสงค์ไว้เท่านั้น (ผ้าไตรหาย/ถูกชิงเอาไป หาย 3 ผืน ให้ขอเพียง 2, หาย 2 ขอได้เพียง 1, หาย 1 พระวินัย(ศีลของพระ)ไม่อนุญาตให้ขอ)
        "พระแท้จะไม่ทำ... ที่ทำคือชาวบ้านปลอมเป็นพระ" ประเด็นที่ชาวพุทธควรรู้เท่าทัน.. พบเจอที่ใด โปรดแจ้งตำรวจให้ดำเนินการตามกฎหมายโดยทันที อย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวล ... อย่าให้มารศาสนาได้มีที่ยืนในสังคม ...และขอความร่วมมือทุกท่านแชร์ต่อด้วยนะครับ

        การที่ประชาชนปลอมเป็นพระ ศัพท์ทางกฎหมายเรียก "แต่งกาย/ใช้เครื่องหมายที่แสดงว่าเป็นภิกษุ สามเณร..." ... เป็นการกระทำความผิดกฎหมายอาญา มาตรา ๒๐๘ "ผู้ใดแต่งกายหรือใช้เครื่องหมายที่แสดงว่าเป็นภิกษุ สามเณร นักพรตหรือนักบวชในศาสนาใดโดยมิชอบ เพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนเป็นบุคคลเช่นว่านั้น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"

        ศัพท์ทางศาสนา (ภาษาวัด/คำวัด) ก็เรียกว่า "คนปลอมบวช/คนปลอมเป็นพระ เช่น กรณีเดียรถีย์ปลอมบวชเป็นพระปะปนเข้ามาในพระพุทธศาสนา ซึ่งเป็นเหตุให้มีการกระทังตติยสังคายนา หรือสังคายนาครั้งที่ 3 ที่โศการาม เมืองปาฏลีบุตร แคว้นมคธ ภายหลังจากพุทธปรินิพพานได้ 234 ปี ในพระบรมราชูปถัมภ์ของพระเจ้าอโศกมหาราช และมีการสมณฑูตที่ส่งไปประกาศพระศาสนายังต่างประเทศ จำนวน 9 สาย โดยสายที่ 8 มาที่สุวรรณภูมิ (ประเทศไทย)"
พระที่แท้ จะอาศัยอยู่ที่วัด เพราะวัดคือที่อยู่อาศัยของพระ ยกเว้นมีเหตุจำเป็นจริงๆที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่พระท่านจะอยู่ในสมณสารูป และสำรวมเสมอ... พระแท้จะรับบิณฑบาตที่โยมถวาย "ไม่เลือกรับเฉพาะเงิน" ดังนั้น หากเห็นพระที่มีอาการแปลก ๆ ชาวพุทธควรตีความหมายไว้ก่อนว่า "คนปลอมเป็นพระ หลอกลวงสังคม เป็นมารศาสนา เป็นผู้ที่สังคมควรอย่าให้มีที่ยืนในสังคม และที่สำคัญที่สุด เป็นผู้ที่ควรถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย"

        ดังนั้น จึงขอความร่วมมือทุกท่านได้โปรดช่วยกันแชร์ต่อไปด้วย เพื่อให้ชาวพุทธรู้เท่าทัน.. หากพบเห็นอาการแปลก ๆ ที่พระท่านไม่ทำ ขอให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า 1.ไม่ใช่พระ หรือ 2.ไม่ใช่พระไทย ... โปรดแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายได้โดยทันที และหากใครเสียเงินให้กลุ่มคนดังกล่าว ขอให้แจ้งความดำเนินคดีด้วย โทษจะได้หนักขึ้นและจะได้หลาบจำ และจะได้ไม่ทำความเสื่อมเสียแก่ศาสนาพุทธของเราอีกต่อไป และที่สำคัญเป็นการป้องกันปัญหาความมั่นคงของชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และศีลธรรมอันดีของไทยของเราอีกด้วย ครับ

 

--------------------------

ที่มา.-เฟชพระมหาบุญโฮม https://www.facebook.com/mahabunhome/posts/628621090634399


*******************