การที่มีบุคคล
กลุ่มบุคคลทำการเรี่ยไร โดยอ้างวัด เป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ทั้งกระบวนการ ขั้นตอน และวิธีการ โดยนอกจากจะผิด พรบ.ควบคุมการเรี่ยไร
แล้ว ยังผิด พรบ.จราจร และกฎหมายอาญา "ฐานฉ้อโกง" และที่สำคัญเอกสารดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ผู้กระทำอาจมีความผิดกฎหมายอาญา (ความผิดเกี่ยวกับเอกสาร) ม.264, 265,
266, 267, 268, 269 มีโทษทั้งจำทั้งปรับ อีกด้วย และบรรดาทรัพย์สินซึ่งได้ใช้ในการกระทำความผิด
เพื่อจูงใจบุคคลให้กระทำความผิด หรือเพื่อเป็นรางวัลในการที่บุคคลได้กระทำความผิด
อาจถูกศาลริบเสียได้ เว้นแต่ทรัพย์สินนั้นเป็นของผู้อื่นซึ่งมิได้รู้เห็นเป็นใจด้วยในการกระทำความผิด
ประเด็นสำคัญที่คนทั่วไป
แม้แต่กระทั่งเจ้าอาวาสหลายรูปและพระภิกษุสามเณรทั่วไม่รู้และเข้าใจก็คือ
"เจ้าอาวาสไม่มีอำนาจอนุญาตให้ผู้ใด นิติบุคคลใด หรือคณะใด ทำการเรี่ยไรนอกวัดของตนเองได้มิว่ากรณีใด
ๆ ทั้งสิ้น"
. ขณะเดียวกัน การจะออกเอกสารอนุญาตให้ทำการเรี่ยไรได้นั้น
มีระเบียบปฏิบัติซึ่งกำหนดไว้อย่างชัดแจ้ง มีกระบวนการ ขั้นตอน และวิธีการที่มิใช่ง่าย
โดยเจ้าอาวาสที่มีความประสงค์จะทำการเรี่ยไร
จะต้องยื่นหนังสือเพื่อขออนุญาตพร้อมหลักฐานประกอบการพิจารณายื่นเพื่อขออนุญาตไปตามลำดับชั้นจนถึงคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรจังหวัด
..
เมื่อคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรจังหวัด
เห็นชอบแล้ว เจ้าคณะจังหวัดในฐานะ
"ประธานคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรจังหวัด
" จึงจะออกหนังสืออนุญาตให้
(แต่ในการปฏิบัติจริง "คณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรจังหวัด
ยังไม่เคยออกหนังสืออนุญาตให้ผู้ใดทำการเรี่ยไรให้แก่ใครทั้งสิ้น"
แม้แต่ฉบับเดียว โดยเหตุผลเดียวคือเศรษฐกิจไม่ดี จึงไม่ประสงค์จะให้มีการซ้ำเติมประชาชน)
หากพบเจอการเรี่ยไรลักษณะดังกล่าว
ซึ่งเป็นการกระทำของมิจฉาชีพ อ้างวัด อ้างเจ้าอาวาสทำการเรี่ยไร โดยที่วัดและเจ้าอาวาสไม่มีส่วนรู้เห็นด้วยแต่อย่างใด
ทั้งที่ในเอกสารมีลายมือ/ลายเซ็นต์เจ้าอาวาสและมีตราประทับวัด แต่มิใช่ลายมือจริงของเจ้าอาวาส
และมิใช่รอยตราประทับที่วัดใช้อยู่จริง สรุปคือปลอมทั้งลายมือและตราประทับ
(เท่าที่พิสูจน์ทราบและนำจับมานานกว่า 27 ปี) ประชาชนที่หลงกลบริจาคทุกคนจึงเป็นผู้เสียหาย
มีสิทธิ์แจ้งให้ ตำรวจ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน (เจ้าพนักงานปกครอง) ดำเนินการตามกฎหมาย
หรือคณะสงฆ์ทำการตรวจสอบ หรือดำเนินการตามกฎหมายได้ หากต้องการเป็นเจ้าทุกข์
ทำได้ง่าย ๆ เพียงให้เงินไปจำนวนหนึ่ง และถ่ายสำเนาแบ้งค์ที่ทำบุญ
มีพยานรู้เห็น หรือภาพถ่ายประกอบ เพียงเท่านี้ก็เข้าองค์ประกอบตามกฎหมายแล้ว
ครับ
ข้อสังเกต.-
1.ผู้จะทำการเรี่ยไร
จะต้องได้รับอนุญาตทั้งจากฝ่ายบ้านเมืองและทางคณะสงฆ์(มีหนังอนุญาต
ซึ่งปิดโดยเปิดเผย) หากไม่มีหนังสืออนุญาต มีความผิดเรี่ยไรโดยไม่ได้รับอนุญาต
(ผิด พรบ.ควบคุมการเรี่ยไร)
2.ที่พักสงฆ์ สำนักสงฆ์
ไม่เป็นนิติบุคคล จึงไม่มีสิทธิ์ได้รับอนุญาตเรี่ยไรตามกฏหมาย
........................
ข้อมูลเพิ่มเติมที่ชาวพุทธควรรู้.-
พระสงฆ์ไทย ท่านออกประกาศและถือปฏิบัติโดยทั่วกันมาตั้งนานแล้วว่า
(1) ไม่เรี่ยไรนอกวัดที่ตัวเองอยู่ และไม่อนุญาตให้ใครเรี่ยไรแทนตนนอกวัด
ยกเว้น "มีเหตุจำเป็นและจะต้องได้รับอนุญาตจากประธานคณะกรรมการควบคุมการเรี่ยไรจังหวัด"
เท่านั้น แต่ในความเป็นจริง คณะกรรมการดังกล่าว ยังไม่เคยอนุญาตให้วัดใดเรี่ยไรเลย
และมีมติไว้ว่าถึงแม้จะมีอำนาจอนุญาตแต่ก็จะไม่อนุญาต) (2) รับบิณฑบาตเฉพาะของที่โยมตักบาตร
(3) ไม่ออกบากเรียกให้ใครมาใส่บาตร (4) ไม่เลือกรับเฉพาะเงินหรือสิ่งที่ตัวเองต้องการ
(5) หากจำเป็น จะขอเฉพาะบาตร จีวรเท่านั้นจากญาติใกล้ชิดและผู้ปวารณา/แจ้งความประสงค์ไว้เท่านั้น
(ผ้าไตรหาย/ถูกชิงเอาไป หาย 3 ผืน ให้ขอเพียง 2, หาย 2 ขอได้เพียง
1, หาย 1 พระวินัย(ศีลของพระ)ไม่อนุญาตให้ขอ)
"พระแท้จะไม่ทำ...
ที่ทำคือชาวบ้านปลอมเป็นพระ" ประเด็นที่ชาวพุทธควรรู้เท่าทัน..
พบเจอที่ใด โปรดแจ้งตำรวจให้ดำเนินการตามกฎหมายโดยทันที อย่าปล่อยให้คนชั่วลอยนวล
... อย่าให้มารศาสนาได้มีที่ยืนในสังคม ...และขอความร่วมมือทุกท่านแชร์ต่อด้วยนะครับ
การที่ประชาชนปลอมเป็นพระ
ศัพท์ทางกฎหมายเรียก "แต่งกาย/ใช้เครื่องหมายที่แสดงว่าเป็นภิกษุ
สามเณร..." ... เป็นการกระทำความผิดกฎหมายอาญา มาตรา ๒๐๘ "ผู้ใดแต่งกายหรือใช้เครื่องหมายที่แสดงว่าเป็นภิกษุ
สามเณร นักพรตหรือนักบวชในศาสนาใดโดยมิชอบ เพื่อให้บุคคลอื่นเชื่อว่าตนเป็นบุคคลเช่นว่านั้น
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี หรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ"
ศัพท์ทางศาสนา
(ภาษาวัด/คำวัด) ก็เรียกว่า "คนปลอมบวช/คนปลอมเป็นพระ เช่น กรณีเดียรถีย์ปลอมบวชเป็นพระปะปนเข้ามาในพระพุทธศาสนา
ซึ่งเป็นเหตุให้มีการกระทังตติยสังคายนา หรือสังคายนาครั้งที่ 3 ที่โศการาม
เมืองปาฏลีบุตร แคว้นมคธ ภายหลังจากพุทธปรินิพพานได้ 234 ปี ในพระบรมราชูปถัมภ์ของพระเจ้าอโศกมหาราช
และมีการสมณฑูตที่ส่งไปประกาศพระศาสนายังต่างประเทศ จำนวน 9 สาย โดยสายที่
8 มาที่สุวรรณภูมิ (ประเทศไทย)"
พระที่แท้ จะอาศัยอยู่ที่วัด เพราะวัดคือที่อยู่อาศัยของพระ ยกเว้นมีเหตุจำเป็นจริงๆที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
แต่พระท่านจะอยู่ในสมณสารูป และสำรวมเสมอ... พระแท้จะรับบิณฑบาตที่โยมถวาย
"ไม่เลือกรับเฉพาะเงิน" ดังนั้น หากเห็นพระที่มีอาการแปลก
ๆ ชาวพุทธควรตีความหมายไว้ก่อนว่า "คนปลอมเป็นพระ หลอกลวงสังคม
เป็นมารศาสนา เป็นผู้ที่สังคมควรอย่าให้มีที่ยืนในสังคม และที่สำคัญที่สุด
เป็นผู้ที่ควรถูกดำเนินคดีตามกฎหมาย"
ดังนั้น
จึงขอความร่วมมือทุกท่านได้โปรดช่วยกันแชร์ต่อไปด้วย เพื่อให้ชาวพุทธรู้เท่าทัน..
หากพบเห็นอาการแปลก ๆ ที่พระท่านไม่ทำ ขอให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า 1.ไม่ใช่พระ
หรือ 2.ไม่ใช่พระไทย ... โปรดแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบและดำเนินการตามกฎหมายได้โดยทันที
และหากใครเสียเงินให้กลุ่มคนดังกล่าว ขอให้แจ้งความดำเนินคดีด้วย โทษจะได้หนักขึ้นและจะได้หลาบจำ
และจะได้ไม่ทำความเสื่อมเสียแก่ศาสนาพุทธของเราอีกต่อไป และที่สำคัญเป็นการป้องกันปัญหาความมั่นคงของชาติ
ศาสนา พระมหากษัตริย์ และศีลธรรมอันดีของไทยของเราอีกด้วย ครับ
--------------------------
ที่มา.-เฟชพระมหาบุญโฮม
https://www.facebook.com/mahabunhome/posts/628621090634399
*******************
|