ในการนำชาวต่างประเทศชมความงดงามของบ้านเมืองในประเทศไทย
รายการสำคัญที่จะขาดมิได้คือ การนำชมวัดต่าง ๆ ทั้งนี้เพราะวัดถือเป็นศูนย์รวมของศิลปวัฒนธรรมไทย
ไม่ว่าจะเป็นสถาปัตยกรรม ประติมากรรม จิตรกรรม และงานช่างศิลป์ทั้งปวง
แม้แต่ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น ที่ชาวต่างประเทศส่วนใหญ่ต้องเดินทางโดยเรือ
เมื่อผ่านปากน้ำเจ้าพระยาเข้ามา ก็จะพบพระสมุทรเจดีย์ก่อนสิ่งก่อสร้างใหญ่
ๆ อย่างอื่น จนเข้ามาถึงใจกลางพระนครก็จะเห็นพระปรางค์วัดอรุณราชวรารามสูงเด่นเป็นสง่าและงดงามยิ่ง
จนเป็นที่ยอมรับนับถือกันว่า พระพุทธปรางค์องค์นี้เป็นสัญลักษณ์ที่สำคัญอย่างหนึ่งของประเทศไทย
การสร้างวัดในสมัยแรกนั้น
สืบเนื่องมาจากการถวายที่ดินซึ่งเป็นป่าเป็นสวน ให้เป็นที่พักของพระภิกษุสงฆ์
และเพื่อสร้างเป็นอนุสรณ์แห่งพุทธศาสนา ด้วยการสร้างพระสถูปเจดีย์บรรจุ
พระบรมสารีริกธาตุ หรืออัฐิบุคคลสำคัญในพุทธศาสนา ต่อมา วัตถุประสงค์ของการสร้างวัดได้เน้นหนักไปในทางสร้างให้เป็นวัดประจำตระกูล
สำหับเป็นสถานที่บำเพ็ญกุศลและบรรจุอัฐิธาตุของคนในวงศ์ตระกูล หรือเป็นการสร้างเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งเหตุการณ์
หรือบุคคล ทั้งที่ยังมีชีวิตอยู่ หรือล่วงลับไปแล้ว และที่สำคัญ ส่วนใหญ่มักสร้างวัดด้วยความศรัทธา
และความเชื่อเรื่องบุญเรื่องกรรม โดยถือว่าการสร้างวัดนั้นได้กุศลสูงยิ่ง
ต่อมา วัดในพระพุทธศาสนาได้มีความสำคัญในด้านการปกครองและสังคมมากขึ้นตามลำดับ
โดยทางด้านการปกครองก็ต้องอาศัยการอบรมสั่งสอนและชี้นำของพระภิกษุสงฆ์
และเป็นศูนย์กลางของชุมชนในการพบปะทำกิจกรรมร่วมกัน ตลอดจนเป็นผู้นำของชุมชนในเรื่องศิลปวิทยาต่าง
ๆ รวมไปถึงการศึกษา และการสาธารณสุข ดังนั้น จึงถือว่า เป็นหน้าที่ของพระมหากษัตริย์
พระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชการ พ่อค้าคหบดี ที่จะต้องสร้างหรือทะนุบำรุงวัดให้เจริญมั่นคง
คตินิยมที่ว่า เมื่อพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใดเสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติแล้ว
จะต้องสร้างวัดประจำรัชกาล ได้ปรากฏชัดเจนในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ดังปรากฏชื่อวัดดังนี้
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
เป็นวัดประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
วัดอรุณราชวราราม เป็นวัดประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย
วัดราชโอรสาราม เป็นวัดประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม
เป็นวัดประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
เป็นวัดประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ส่วนในรัชกาลต่อมานั้น
ไม่พบหลักฐานชัดเจนว่า ทรงถือว่าวัดใดเป็นวัดประจำรัชกาล ยิ่งไปกว่านั้น
มีพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงแถลงไว้อย่างชัดเจนว่ามีพระราชดำริว่าพระอารามหลวงในกรุงรัตนโกสินทร์มีจำนวนมากแล้ว
ต้องเป็นพระราชภาระในการอุปถัมภ์บำรุงมิใช่น้อย และพระอารามต่าง ๆ
นั้นก็ทำหน้าที่ให้การศึกษาแก่เยาวชนอยู่แล้ว จึงทรงสร้างโรงเรียนมหาดเล็กหลวงเพื่อเป็นอนุสาวรีย์
แทนการสร้างวัดประจำรัชกาล ซึ่งต่อมาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงรวมโรงเรียนราชวิทย์วิทยาลัยเข้ากับโรงเรียนมหาดเล็กหลวง
เป็นโรงเรียนวชิราวุธวิทยาลัย สำหรับในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
เนื่องด้วยฐานะทางเศรษฐกิจของประเทศตกต่ำ จึงมิได้ทรงสร้างพระอารามหลวงขึ้นใหม่
แต่ทรงอุทิศพระราชทรัพย์ซ่อมแซมวัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามเป็นงานใหญ่
ส่วนในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลก็เป็นช่วงระยะเวลาสั้น
ๆ จึงมิได้มีพระราชดำริเกี่ยวกับเรื่องนี้แต่ประการใด ดังนั้น จึงขอกล่าวถึงวัดประจำรัชกาลที่
๑ ถึง รัชกาลที่ ๕ ตามสมควรดังนี้
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม
ราชวรมหาวิหาร
วัดอรุณราชวราราม ราชวรมหาวิหาร
วัดราชโอรสาราม ราชวรวิหาร
วัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม
ราชวรวิหาร
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
ราชวรวิหาร
การสถาปนาวัดประจำรัชกาลที่มีหลักฐานเป็นทางราชการก็มีเพียง
๕ วัดดังกล่าว แต่ตามความเข้าใจของบุคคลทั่วไปได้ถือว่า วัดบวรนิเวศวิหาร
เป็นวัดประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เพราะเมื่อทรงพระผนวชที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามแล้ว
ได้เสด็จมาประทับที่วัดบวรนิเวศวิหาร และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ได้อัญเชิญพระบรมราชสรีรางคาร มาบรรจุที่ใต้บัลลังก์พระพุทธชินสีห์ในพระอุโบสถ
ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงปฏิสังขรณ์วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามเป็นงานใหญ่
และต่อมาได้อัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารของพระองค์ท่าน มาบรรจุที่ฐานชุกชีพระพุทธอังคีรสในพระอุโบสถ
จึงทำให้เข้าใจกันว่า วัดนี้เป็นวัดประจำรัชกาลที่ ๗
ส่วนพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลได้เสด็จเสวยสิริราชสมบัติในระยะเวลาอันสั้น
เมื่อเสด็จสวรรคตแล้ว ได้อัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารมาบรรจุไว้ที่ผ้าทิพย์ด้านหน้าพุทธบัลลังก์พระศรีศากยมุนีในพระวิหารหลวงวัดสุทัศนเทพวราราม
จึงเป็นที่เข้าใจกันว่าได้ถวายเป็นวัดประจำรัชกาลที่ ๘
อนึ่ง มีความเข้าใจสับสนในเรื่องวัดประจำรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ว่าเป็นวัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ทั้งนี้เพราะเป็นวัดที่โปรดเกล้าฯ
ให้สถาปนาขึ้นอย่างใหญ่โตวิจิตรงดงามมาก นอกจากนั้น ยังได้ทรงแสดงพระราชประสงค์ว่า
เมื่อเสด็จสวรรคตแล้ว ให้อัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารมาประดิษฐานไว้ภายใต้พุทธบัลลังก์พระพุทธชินราช
ซึ่งเป็นพระประธานในพระอุโบสถ แต่ตามพระบรมราชโองการสร้างวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม
ก็ระบุไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นการสร้างวัดประจำรัชกาลตามโบราณราชประเพณี
ราชประเพณีการสร้างวัดประจำรัชการ
จึงเป็นการยืนยันว่า พระมหากษัตริยาธิราชเจ้าทุกพระองค์ทรงเป็นเอกอัครศาสนูปถัมภก
สมดังพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชที่ว่า
ตั้งใจจะอุปถัมภก
ยอยกพระพุทธศาสนา
จะป้องกันขอบขัณฑสีมา
รักษาประชาชนแลมนตรี
บรรณานุกรม
ศิลปากร, กรม, กองวรรณคดีและประวัติศาสตร์.
วัดสำคัญกรุงรัตนโกสินทร์. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์ยูไนเตดโปรดักชั่น,
๒๕๒๙
คัดจาก อนุสารมูลนิธิ
สมเด็จพระสังฆราช (วาสนมหาเถระ) วัดราชบพิธ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
ฉบับที่ ๒๑ ประจำเดือน กรกฎาคม ๒๕๔๑ - มิถุนายน ๒๕๔๒
|