ภาพความเสียหายของที่พักสงฆ์
กมลา จ.ภูเก็ต
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า
สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ได้ส่งเจ้าหน้าที่ กองพุทธศาสนสถาน
มี ผอ.นพรัตน์ เบญจวัฒนานันท์ ผู้อำนวยการกองพุทธศาสนสถาน นำทีมสำรวจพื้นที่ความเสียหายของวัด
ที่พักสงฆ์ และจำนวนพระสงฆ์มรณภาพ สำรวจวัดที่ประชาชนใช้เป็นที่พักพิง
วัดที่ให้การสงเคราะห์ศพ จากกรณีเกิดธรณีพิบัติคลื่นยักษ์ สึนามิ ถล่มใน
6 จังหวัดภาคใต้ จะเห็นได้ว่าบางวัดมีทั้งศพคนไทย คนต่างชาติ ต่างศาสนา
อยู่ในบริเวณวัดเป็นจำนวนมาก เผาศพไม่ได้หยุดจึงทำให้ปล่องควันเมรุ
วัดหลักแก่น อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา ระเบิด ทางวัดต้องเปลี่ยนมาใช้วิธีเผาด้วยยางรถยนต์
จากการลงพื้นของเจ้าหน้าที่ กองพุทธศาสนสถานได้พบความเสียหายพอจะสรุปในเบื้องต้น
ได้ดังนี้
จังหวัดระนอง
ตรัง สตูล ไม่มีความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สินของพระภิกษุสงฆ์
เฉพาะในจังหวัดระนอง คณะสงฆ์ได้ให้การสงเคราะห์ต่อการณาปนกิจศพผู้เสียชีวิตให้การดูแลที่พักและอาหารต่อผู้ประสบภัย
2 แห่ง คือ
วัดสถิตธรรมมาราม
ตำบลกำพวน กิ่งอำเภอสุขสำราญ เป็นสถานที่ในการรับและณาปนกิจศพ เนื่องจากตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีผู้เสียชีวิต
วัดสุวรรณคีรีวิหาร
ตำบลเขานิเวศน์ อำเภอเมืองระนอง เป็นสถานที่ให้การดูแลที่พักและอาหารต่อผู้ประสบภัย
จังหวัดกระบี่
ไม่มีความเสียหายต่อทรัพย์สินของวัด/สำนักสงฆ์ และที่พักสงฆ์ แต่คณะสงฆ์ในจังหวัดได้แจ้งให้วัดต่าง
ๆ ให้การสงเคราะห์ต่อการณาปนกิจศพผู้เสียชีวิตโดยเฉพาะการช่วยรับศพจากจังหวัดพังงาซึ่งมีจำนวนมากมาดำเนินการ
จังหวัดภูเก็ต
มีรายงานความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของพระภิกษุสงฆ์และที่พักสงฆ์ดังนี้
ที่พักสงฆ์กมลา ตำบลกะทู้
อำเภอกะทู้ จ.ภูเก็ต (สังกัดวัดอนุภาษกฤษฎาราม) มีพระสงฆ์มรณภาพ 3
รูป ได้แก่ พระเต็กก้วน ปสนฺนจิตฺโต อายุ 67 ปี พระนพ เขมจาโร อายุ
74 ปี พระวันทา อาภากโรอายุ 68 ปี พระสงฆ์ที่ได้รับบาดเจ็บ มี 2 รูป
ได้แก่ พระพูนสวัสดิ์ ฐานวุฑฺโฒ รักษาอาการอยู่ที่โรงพยาบาลกรุงเทพภูเก็ต
พระพิทักษ์ กะตะภิญโญ รักษาอาการอยู่ที่โรงพยาบาลวชิระภูเก็ต ส่วนทรัพย์สินที่ได้รับความเสียหายทั้งหมด
7,209,900 บาท
ที่พักสงฆ์แหลมพระ
ตำบลป่าตอง อำเภอกระทู้ ไม่มีผู้เสียชีวิต แต่มีความเสียหายของทรัพย์สินทั้งหมด
885,000 บาท
จังหวัดพังงา
มีรายงานความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของพระภิกษุ วัด และที่พักสงฆ์
ดังนี้
ที่พักสงฆ์เจริญธรรม
ตำบลเกาะพระทอง อำเภอคุระบุรี จ.พังงา มีพระภิกษุมรณภาพ 2 รูป คือ
พระปัญญา ธีรปญโญ และพระสุวัฒน์ ทีปโก
ที่พักสงฆ์ทุ่งหว้า
ตำบลคึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา อาคารเสนาสนะเสียหาย และบริเวณวัดเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง
ที่พักสงฆ์นอกนา
ตำบลเกาะคอเขา อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา อาคารเสนาสนะเสียหาย และบริเวณวัดเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง
ที่พักสงฆ์ป่าโพธิวาส
ตำบลคึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา อาคารเสนาสนะ เสียหาย และบริเวณวัดเต็มไปด้วยซากปรักหักพัง
ที่พักสงฆ์ทุ่งตึก
ตำบลเกาะคอเขา อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา มีพระภิกษุ 5 รูป ทุกรูปปลอดภัย
ส่วนอาคารเสนาสนะและบริเวณวัดที่ได้รับความเสียหาย
วัดพนัสนิคม
ตำบลคึกคัก อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา มีพระภิกษุจำนวน 4 รูป ทุกรูปปลอดภัย
ส่วนอาคารเสนาสนะและบริเวณวัดที่ได้รับความเสียหายทั้งสิ้น 3,460,000
บาท
ที่พักสงฆ์ท่าไทร
ตำบลนาเตย อ.ท้ายเหมือง อาคารเสนาสนะและบริเวณวัดที่ได้รับความเสียหายทั้งสิ้น
142,000 บาท
พระวิจิตรธรรมนิเทศ รองเจ้าคณะจังหวัดชุมพร
พร้อมด้วย
นพ.จักรธรรม ธรรมศักดิ์ ผอ.สำนักพระพุทธฯ เดินทางไปให้ความช่วยเหลือพระภิกษุสงฆ์
และให้กำลังใจคณะเจ้าหน้าที่ พศ.จังหวัด ที่ได้รับความเดือดร้อน
นพ.จักรธรรม
ธรรมศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เปิดเผยว่า
สิ่งที่คณะกรรมการมหาเถรสมาคมได้พูดถึงตอนนี้ก็คือ เรื่องที่สังคมโดยทั่วไปยังมีการพูดถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับวัดกับพระสงฆ์น้อยมาก
ซึ่งอาจจะหมายความว่าสังคมอาจจะยังไม่ทราบว่า พระสงฆ์กับวัดได้รับความเสียหายมากน้อยเพียงใด
ทั้งที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากคลื่นยักษ์ "สึนามิ" วัดได้รับผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อม
ก็คือ มีศพมากมาย เข้าไปอยู่ในวัด พระท่านมีความลำบากมาก มีความเสียสละมาก
จึงทำให้คณะกรรมการมหาเถรสมาคมรู้สึกว่า ผู้คนโดยทั่วไปยังพูดถึงเรื่องความเดือดร้อนของพระสงฆ์น้อยมาก
แต่กรรมการมหาเถรสมาคมได้มีมติ ให้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาชุดหนึ่งโดยที่ทางสำนักงานพระพุทธไม่ได้เป็นผู้เสนอ
ประกอบไปด้วย พระพรหมเวที เจ้าอาวาสวัดไตรมิตรวิทยาราม เป็นประธาน
และมีพระเถระผู้ใหญ่อีกหลายรูป รวมทั้งสำนักพระพุทธฯเป็นเลขา เพื่อพิจารณากันว่าเราจะฟื้นฟูกิจการคณะสงฆ์ใน
6 จังหวัดภาคใต้ยังไง ผมได้เสนอเงินที่จะใช้ในการช่วยเหลือพระสงฆ์กับทางรัฐบาล
ประมาณการตัวเลขในการฟื้นฟูบูรณะวัด สำนักสงฆ์ เตาเผาศพต่างๆ แล้วก็เงินชดเชยให้กับพระที่มรณภาพเสนอวงเงินไปประมาณ
46 ล้านบาท เพื่อใช้ในส่วนของกิจการคณะสงฆ์ที่ได้รับความเดือดร้อน
แผนฟื้นฟูจะมีการประชุมหารือระหว่างคณะสงฆ์
กับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยกำหนดแผนและรูปแบบไว้ ซึ่งยึดกรอบและหลักการ
ดังนี้
ประการแรก
ขณะนี้ได้ทำการสำรวจข้อมูลและรายละเอียดความเสียหายของทรัพย์สินของวัดสำนักสงฆ์และที่พักสงฆ์
เพื่อจัดสรรงบประมาณในการบูรณะปฏิสังขรณ์ ทั้งนี้จะต้องมีการพิจารณาตำแหน่งที่ตั้งของอาคารเสนาสนะที่เหมาะสมใหม่
เพื่อให้เป็นไปตามระเบียบการใช้พื้นที่ตามที่ทางราชการกำหนด
ประการที่สอง
จัดกลุ่มตำแหน่งพื้นที่เป้าหมายในชุมชน เพื่อการตรวจเยี่ยมปลอบขวัญและสร้างกำลังใจโดยคณะสงฆ์
ทั้งนี้จะมีการประชุมหารือร่วมกันระหว่างคณะสงฆ์ และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติในการกำหนดแผน
และรูปแบบการดำเนินการ
ประการที่สาม
การบริหารเงินบริจาคที่ได้รับผ่านคณะสงฆ์ จะมีการตั้งคณะกรรมการในแต่ละจังหวัด
โดยมีพระเทพปริยัติเมธี เจ้าคณะภาคที่ 17 เป็นที่ปรึกษา เจ้าคณะจังหวัดเป็นประธาน
เจ้าคณะอำเภอต่างๆ เป็นกรรมการ ผู้แทนส่วนราชการ โดยมีผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเป็นกรรมการและเลขานุการ
เพื่อควบคุมดูแลการเบิกจ่ายเงินให้เป็นไปตามระเบียบ และหลักเกณฑ์ทั้งนี้จะรวมถึงการให้ความช่วยเหลือแก่ประชาชนโดยไม่จำแนกศาสนาด้วย
ที่มา: นสพ.ผู้จัดการ 12 ม.ค.48
|