"ตำรวจ/พนักงานสอบสวนจะดำเนินการให้พระภิกษุสละสมณเพศ(สึก)เองได้หรือไม่ ? ถ้าตำรวจ/พนักงานสอบสวนทำเช่นนั้นถือว่าถูกฎหมายหรือมไม่ ?" ประเด็นที่เราคนไทยควรรู้
โดย พระมหาบุญโฮม ปริปุณฺณสีโล (ไชยฤทธิ์) วัดท่าไทร ต.ท่าทองใหม่ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ๘๔๒๙๐

         เนื่องจากมีผู้สงสัยถามแอดมินว่า "ตำรวจ/พนักงานสอบสวนจะดำเนินการให้พระภิกษุสละสมณเพศ(สึก)เองได้หรือไม่ ? ถ้าตำรวจ/พนักงานสอบสวนทำเช่นนั้นถือว่าถูกฎหมายหรือมไม่ ?" ซึ่งได้ตอบไปแล้ว แต่เห็นว่าหากนำคำถามและคำตอบมาลงเฟช/ไลน์ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ร่วมกัน และเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ จึงได้ตัดคำสรรพนามและปรับแก้ข้อความให้กระทัดรัดนำมาเสนออีกครั้งหนึ่ง ครับ

          เมื่อพระภิกษุถูกตำรวจจับเพราะได้กระทำความผิดอาญา ตำรวจ/พนักงานสอบสวนต้องการให้พระภิกษุรูปนั้นสละสมณเพศ(สึก/ลาสิกาขา) จะต้องดำเนินการให้ชอบด้วยกฎหมาย คือตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ มาตรา ๒๙ ซึ่งบัญญัติไว้แล้ว โดยตำรวจ/พนักงานสอบสวนจะต้องนำตัวพระภิกษุรูปนั้นไปขอให้เจ้าอาวาสหรือเจ้าคณะผู้ปกครองในพื้นที่ดำเนินการสึกให้ เพื่อดำเนินการสอบสวนต่อไป หากเจ้าอาวาสหรือเจ้าคณะปกครองไม่ดำเนินการสึกให้(เพราะเจ้าอาวาส เจ้าคณะผู้ปกครองเป็นเจ้าพนักงานตาม พรบ.คณะสงฆ์) "หากเจ้าอาวาสหรือเจ้าคณะปกครองไม่ดำเนินการสึกให้ ตำรวจ/พนักงานสอบสวนจะดำเนินการเองไม่ได้ และหากตำรวจ/พนักงานสอบสวนจะดำเนินการเองถือว่าเป็นการกระทำโดยพลการของเจ้าพนักงานตำรวจ อาจมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเลยปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗" ซึ่งกรณีดังกล่าวศาลฏีกาได้พิพากษามาแล้ว ปรากฏใน "คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๖๗๘/๒๕๔๓" ดังที่แนบแล้ว

          "อิสระชนทำอะไรก็ได้ตราบเท่าที่ไม่มีกฎหมายห้าม แต่ผู้ที่มีตำแหน่ง และหน้าที่รับผิดชอบตามกฎหมายจะทำการใดต้องมีกฎหมายให้อำนาจไว้เพื่อป้องกันมิให้ผู้มีตำแหน่งใช้อำนาจเกินขอบเขตซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายได้" และที่สำคัญอำนาจที่ชอบธรรมคืออำนาจที่ชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น หากไร้ซึ่งกฎหมายกำกับพฤติกรรมแล้วก็หามีความชอบธรรมอันใดไม่
-----------------------------------
ข้อมูลเพิ่มเติม "เกี่ยวกับ พรบ.คณะสงฆ์" ที่เราชาวพุทธควรทราบ.-

          มาตรา ๒๘ พระภิกษุรูปใดต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้เป็นบุคคล ล้มละลาย ต้องสึกภายในสามวันนับแต่วันที่คดีถึงที่สุด

         มาตรา ๒๙ พระภิกษุรูปใดถูกจับโดยต้องหาว่ากระทำความผิดอาญา เมื่อพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการไม่เห็นสมควรให้ปล่อยชั่วคราวและ เจ้าอาวาสแห่งวัดที่พระภิกษุรูปนั้นสังกัดไม่รับมอบตัวไว้ควบคุม หรือพนักงาน สอบสวนไม่เห็นสมควรให้เจ้าอาวาสรับตัวไปควบคุม หรือพระภิกษุรูปนั้นมิได้ สังกัดในวัดใดวัดหนึ่ง ให้พนักงานสอบสวนมีอำนาจจัดดำเนินการให้พระภิกษุ รูปนั้นสละสมณเพศเสียได้

         มาตรา ๓๐ เมื่อจะต้องจำคุก กักขังหรือขังพระภิกษุรูปใดตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจหน้าที่ปฏิบัติ การให้เป็นไปตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลมีอำนาจดำเนินการให้พระภิกษุ รูปนั้นสละสมณเพศเสียได้ และให้รายงานให้ศาลทราบถึงการสละสมณเพศนั้น

         
ข้อมูลเพิ่มเติม "เกี่ยวกับ กฎหมายอาญา" ที่เราชาวพุทธควรทราบ.-

         มาตรา ๑๕๗ ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

         มาตรา ๒๐๐ ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาหรือจัดการให้เป็นไปตามหมายอาญา กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องโทษ หรือให้รับโทษน้อยลง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท          

         ถ้าการกระทำหรือไม่กระทำนั้น เป็นการเพื่อจะแกล้งให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดต้องรับโทษ รับโทษหนักขึ้น หรือต้องถูกบังคับตามวิธีการเพื่อความปลอดภัย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท

 

--------------------------

ที่มา.-เฟชพระมหาบุญโฮม https://www.facebook.com/mahabunhome/posts/628621090634399


*******************