เนื่องจากมีผู้สงสัยถามแอดมินว่า
"ตำรวจ/พนักงานสอบสวนจะดำเนินการให้พระภิกษุสละสมณเพศ(สึก)เองได้หรือไม่
? ถ้าตำรวจ/พนักงานสอบสวนทำเช่นนั้นถือว่าถูกฎหมายหรือมไม่ ?"
ซึ่งได้ตอบไปแล้ว แต่เห็นว่าหากนำคำถามและคำตอบมาลงเฟช/ไลน์ก็จะเป็นประโยชน์ต่อการเรียนรู้ร่วมกัน
และเป็นประโยชน์ต่อสาธารณะ จึงได้ตัดคำสรรพนามและปรับแก้ข้อความให้กระทัดรัดนำมาเสนออีกครั้งหนึ่ง
ครับ
เมื่อพระภิกษุถูกตำรวจจับเพราะได้กระทำความผิดอาญา
ตำรวจ/พนักงานสอบสวนต้องการให้พระภิกษุรูปนั้นสละสมณเพศ(สึก/ลาสิกาขา)
จะต้องดำเนินการให้ชอบด้วยกฎหมาย คือตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ.
๒๕๐๕ มาตรา ๒๙ ซึ่งบัญญัติไว้แล้ว โดยตำรวจ/พนักงานสอบสวนจะต้องนำตัวพระภิกษุรูปนั้นไปขอให้เจ้าอาวาสหรือเจ้าคณะผู้ปกครองในพื้นที่ดำเนินการสึกให้
เพื่อดำเนินการสอบสวนต่อไป หากเจ้าอาวาสหรือเจ้าคณะปกครองไม่ดำเนินการสึกให้(เพราะเจ้าอาวาส
เจ้าคณะผู้ปกครองเป็นเจ้าพนักงานตาม พรบ.คณะสงฆ์) "หากเจ้าอาวาสหรือเจ้าคณะปกครองไม่ดำเนินการสึกให้
ตำรวจ/พนักงานสอบสวนจะดำเนินการเองไม่ได้ และหากตำรวจ/พนักงานสอบสวนจะดำเนินการเองถือว่าเป็นการกระทำโดยพลการของเจ้าพนักงานตำรวจ
อาจมีความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเลยปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๕๗" ซึ่งกรณีดังกล่าวศาลฏีกาได้พิพากษามาแล้ว
ปรากฏใน "คำพิพากษาศาลฎีกาที่ ๖๗๘/๒๕๔๓" ดังที่แนบแล้ว
"อิสระชนทำอะไรก็ได้ตราบเท่าที่ไม่มีกฎหมายห้าม แต่ผู้ที่มีตำแหน่ง
และหน้าที่รับผิดชอบตามกฎหมายจะทำการใดต้องมีกฎหมายให้อำนาจไว้เพื่อป้องกันมิให้ผู้มีตำแหน่งใช้อำนาจเกินขอบเขตซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายได้"
และที่สำคัญอำนาจที่ชอบธรรมคืออำนาจที่ชอบด้วยกฎหมายเท่านั้น หากไร้ซึ่งกฎหมายกำกับพฤติกรรมแล้วก็หามีความชอบธรรมอันใดไม่
-----------------------------------
ข้อมูลเพิ่มเติม "เกี่ยวกับ พรบ.คณะสงฆ์" ที่เราชาวพุทธควรทราบ.-
มาตรา ๒๘ พระภิกษุรูปใดต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้เป็นบุคคล ล้มละลาย
ต้องสึกภายในสามวันนับแต่วันที่คดีถึงที่สุด
มาตรา
๒๙ พระภิกษุรูปใดถูกจับโดยต้องหาว่ากระทำความผิดอาญา เมื่อพนักงานสอบสวนหรือพนักงานอัยการไม่เห็นสมควรให้ปล่อยชั่วคราวและ
เจ้าอาวาสแห่งวัดที่พระภิกษุรูปนั้นสังกัดไม่รับมอบตัวไว้ควบคุม หรือพนักงาน
สอบสวนไม่เห็นสมควรให้เจ้าอาวาสรับตัวไปควบคุม หรือพระภิกษุรูปนั้นมิได้
สังกัดในวัดใดวัดหนึ่ง ให้พนักงานสอบสวนมีอำนาจจัดดำเนินการให้พระภิกษุ
รูปนั้นสละสมณเพศเสียได้
มาตรา
๓๐ เมื่อจะต้องจำคุก กักขังหรือขังพระภิกษุรูปใดตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาล
ให้พนักงานเจ้าหน้าที่ผู้มีอำนาจหน้าที่ปฏิบัติ การให้เป็นไปตามคำพิพากษาหรือคำสั่งของศาลมีอำนาจดำเนินการให้พระภิกษุ
รูปนั้นสละสมณเพศเสียได้ และให้รายงานให้ศาลทราบถึงการสละสมณเพศนั้น
ข้อมูลเพิ่มเติม "เกี่ยวกับ กฎหมายอาญา" ที่เราชาวพุทธควรทราบ.-
มาตรา
๑๕๗ ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต
ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสองหมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา
๒๐๐ ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงานในตำแหน่งพนักงานอัยการ ผู้ว่าคดี พนักงานสอบสวนหรือเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสืบสวนคดีอาญาหรือจัดการให้เป็นไปตามหมายอาญา
กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใดๆ ในตำแหน่งอันเป็นการมิชอบ เพื่อจะช่วยบุคคลหนึ่งบุคคลใดมิให้ต้องโทษ
หรือให้รับโทษน้อยลง ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หกเดือนถึงเจ็ดปี และปรับตั้งแต่หนึ่งพันบาทถึงหนึ่งหมื่นสี่พันบาท
ถ้าการกระทำหรือไม่กระทำนั้น
เป็นการเพื่อจะแกล้งให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดต้องรับโทษ รับโทษหนักขึ้น
หรือต้องถูกบังคับตามวิธีการเพื่อความปลอดภัย ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต
หรือจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงยี่สิบปี และปรับตั้งแต่สองพันบาทถึงสี่หมื่นบาท
--------------------------
ที่มา.-เฟชพระมหาบุญโฮม
https://www.facebook.com/mahabunhome/posts/628621090634399
*******************
|