รูปการปกครองคณะสงฆ์ตามกฎหมายปัจจุบัน กำหนดให้มีเจ้าคณะเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบในเขตปกครองชั้นนั้น
ๆ แต่เพียงผู้เดียว มิได้แบ่งแยกอำนาจหน้าที่เป็นองค์การดังเช่นกฎหมายฉบับก่อน
แต่เพื่อให้มีผู้ช่วยเจ้าคณะชั้นนั้น ๆ ให้มีรองเจ้าคณะเป็นผู้ช่วยบังคับบัญชารับผิดชอบตามที่เจ้าคณะมอบหมาย
ส่วนการปกครองวัด คงกำหนดรูปแบบดังกฎหมายฉบับก่อน กล่าวคือกำหนดให้วัดเป็นศูนย์รวมงานการคณะสงฆ์และการพระศาสนาทุกอย่าง
ให้เจ้าอาวาสเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบในวัดนั้น ๆ และให้มีรองเจ้าอาวาสผู้ช่วยเจ้าอาวาสและไวยาวัจกรเป็นผู้ช่วยในการปฏิบัติหน้าที่
ตามที่เจ้าอาวาสมอบหมาย
รองเจ้าคณะ รองเจ้าอาวาส ผู้ช่วยเจ้าอาวาส และไวยาวัจกร เป็นตำแหน่งที่บัญญัติไว้เพื่อช่วยปฏิบัติงานในตำแหน่งหน้าที่
เมื่อได้รับแต่งตั้งแล้ว เจ้าคณะหรือเจ้าอาวาสต้องมอบหมาย จึงจะปฏิบัติงานในหน้าที่เจ้าคณะและงานในหน้าที่เจ้าอาวาสได้
รองเจ้าคณะ รองเจ้าอาวาสและผู้ช่วยเจ้าอาวาสจะทำการใด ๆ จะต้องใช้อำนาจเจ้าคณะหรืออำนาจเจ้าอาวาส
ส่วนไวยาวัจกรใช้ตำแหน่งไวยาวัจกรโดยตรง
อนึ่ง งานคณะสงฆ์ใด ๆ และงานวัด เป็นงานส่วนรวมของพุทธจักร มิใช่งานของผู้ดำรงตำแหน่งนั้น
ๆ เจ้าคณะและเจ้าอาวาสจึงต้องปฏิบัติงานให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย
จะต้องให้งานในความรับผิดชอบสืบต่อกัน มิใช่งานสะดุดหยุดอยู่เฉพาะผู้รับตำแหน่งรูปหนึ่ง
ๆ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องมีการส่งมอบงานการคณะสงฆ์และการวัด
ทั้งการมอบหมายอำนาจหน้าที่และการส่งมอบงานนั้น ขอกำหนดให้ทราบแนวปฏิบัติดังนี้
วิธีมอบหมายอำนาจหน้าที่แก่รองเจ้าคณะ
ตำแหน่งรองเจ้าคณะในส่วนภูมิภาค มี ๔ ตำแหน่ง ได้แก่ รองเจ้าคณะภาค
รองเจ้าคณะจังหวัด รองเจ้าคณะอำเภอ และรองเจ้าคณะตำบล เป็นตำแหน่งซึ่งไม่มีอำนาจหน้าที่พร้อมกับการแต่งตั้ง
แต่จะมีอำนาจหน้าที่ในเมื่อเจ้าคณะมอบหมาย การให้มีรองเจ้าคณะในส่วนภูมิภาคนั้น
ก็เพื่อเป็นผู้ช่วยเจ้าคณะ จึงสุดแต่เจ้าคณะจะมอบหมายให้บังคับบัญชารับผิดชอบส่วนใด
ๆ โดยเจตนารมณ์ของกฎมหาเถรสมาคมนั้น กำหนดรองเจ้าคณะเพื่อให้ช่วยงานและเพื่อให้ได้ฝึกงานในชั้นนั้น
ๆ มิใช่กำหนดเพื่อให้รองเจ้าคณะพักผ่อนหรือรอรับเกียรติเท่านั้น แต่การมอบหมายอำนาจหน้าที่ของเจ้าคณะนั้น
มหาเถรสมาคมได้กำหนดหลักเกณฑ์ไว้กว้าง ๆ จึงอาจมอบได้ทั้งด้วยวาจา
และหรือด้วยลายลักษณ์อักษร แต่ในทางปฏิบัติแล้ว มอบหมายเป็นลายลักษณ์อักษรนั้นเป็นการชอบ
และการมอบหมายงานนั้น จะมอบเป็นการชั่วคราวเฉพาะเรื่องหรือมอบเป็นการประจำก็ย่อมทำได้
วิธีปฏิบัติ ควรแบ่งงานเป็น ๗ การ คือ การปกครอง (การรักษาความเรียบร้อยดีงาม)
การศาสนศึกษา การศึกษาสงเคราะห์ การเผยแผ่พระพุทธศาสนา การสาธารณูปการ
การสาธารณสงเคราะห์ การนิคหกรรม แล้วรวมงานแต่ละการเข้าแบ่งเป็น ๒
ส่วน หรือ ๓ ส่วน ตามจำนวนผู้รับผิดชอบ ถ้ามีรองเจ้าคณะรูปเดียวก็แบ่งรวมเข้าเป็น
๒ ส่วน ถ้ารองเจ้าคณะ ๒ รูป ก็แบ่งเป็น ๓ ส่วน
(ดูตัวอย่างประกอบ)
|