แม่น้ำสายต่างๆ
ในชมพูทวีป ในสมัยพุทธกาล ที่มีความเกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้า และถูกบันทึกลงในพระพุทธประวัติ
ที่พอจะประมวลและนำมาให้ได้รับทราบในที่นี้มีดังนี้
๑.แม่น้ำกิมิกาฬา
เป็นแม่น้ำที่พระมหาสาวกเมฆิยะ ผู้เคยเป็นพระอุปัฏฐากของพระพุทธเจ้า
คราวหนึ่งได้เห็นส่วนมะม่วมริมฝั่งแม่น้ำกิมิกาฬน่ารื่นรมย์ จึงขอลาพระพุทธเจ้าไปบำเพ็ญเพียร
ณ ที่นั้น พระพุทธเจ้าห้ามไม่ฟัง พระเมฆิยะไปบำเพ็ญเพียรถูกอกุศลวิตกต่าง
ๆ รบกวน ในที่สุดต้องกลับมาเฝ้าพระพุทธเจ้า ได้ฟังพระธรรมเทศนาเรื่องธรรม
๕ ประการสำหรับบ่มเจโตวิมุติ (การหลุดพ้นจากกิเลสด้วยอำนาจการฝึกจิตหรือด้วยกำลังสมาธิ)
จึงได้สำเร็จพระอรหัต
๒.
แม่น้ำกกุธานที (ปัจจุบันเรียก ธาธีนที) ไหลผ่านดินแดนระหว่างเมืองปาวากับเมืองกุสินาราแคว้นมัลละ
พระอานนท์ทูลเชิญเสด็จพระพุทธเจ้า เสด็จลงเสวยและชำระพระกายที่ตรากตรำมาในระยะทางจากเมืองปาวาไปเมืองกุสินาราในวันที่พระพุทธเจ้าทรงดับขันธปรินิพพาน
๓.
แม่น้ำคงคา เป็นแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ เกิดที่ภูเขาหิมพานต์ มีความยาวถึงประมาณ
๒,๕๐๐ กิโลเมตร ณ บริเวณลุ่มแม่น้ำคงคากับยมุนาบรรจบกันเป็นอาณาบริเวณที่อุดมสมบูรณ์
เป็นแหล่งที่ตั้งของนครและแว่นแคว้นที่มีความสำคัญ ๕ สายที่เรียกว่า
ปัญจมหานที บรรดาแคว้นในมหาชนบท ๑๖ ที่อยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำคงคามีดังนี้
แคว้นอังคะ ตั้งอยู่ปลายแม่น้ำคงคา, แคว้นมคธ ตั้งอยู่ใต้แม่น้ำคงคาตอนกลาง,
แคว้นโกศล ตั้งอยู่บริเวณแม่น้ำคงคาตอนกลาง, แคว้นกาสี ตั้งอยู่ตอนบรรจบของแม่น้ำคงคาและยมุนา,
แคว้นปัญจาละ ตั้งอยู่ตรงลุ่มแม่น้ำคงคาตอนบนนครหลวงกัมปิละ ตั้งอยู่เหนือแม่น้ำคงคา,
นอกจากนั้นนครมิถิลา เมืองหลวงของแคว้นวิเทหะ ตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำคงคา
ตอนกลาง ตรงข้ามกับแคว้นมคธ
๔.แม่น้ำคันธกะ
ไหลผ่านทางด้านทิศตะวันออกของแคว้นวัชชี ส่วนเมืองกุสินารานครหลวงของแคว้นมัลละ
ตั้งอยู่ที่จุดบรรจบของแม่น้ำคันธกะ กับแม่น้ำอจิรวดี (หนึ่งในปัญจมหานที)
๕.แม่น้ำโคธาวรี
แคว้นอัสสกะ ตั้งอยู่ ณ ลุ่มแม่น้ำโคธาวรี พราหมณ์พาวรีอาจารญ์ใหญ่ตั้งอาศรมสอนไตรเพทอยู่ที่ฝั่งแม่น้ำโคธาวรี
ณ สุด เขตแดนแคว้นอัสสกะ พราหมณพาวรีได้ส่งศิษย์ ๑๖ คนเดินทางไปถามปัญหาพระพุทธเจ้า
ณ ปาสาณเจดีย์ ในแคว้นมคธ
๖.
แม่น้ำจัมปา เป็นแม่น้ำไหลกั้นแดนระหว่างแคว้นมคธกับแคว้นอังคะ
๗.แม่น้ำนัมมทา
หรือนัมมทานที เป็นแม่น้ำที่ไหลผ่านแคว้นสุนาปรันตะ พระพุทธเจ้าทรงประทับรอยพระบาทไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำนัมมทา
เมื่อพระพุทธเจ้าองค์เสด็จไปแสดงธรรมโปรดชาวสุนาปรันตะและนัมมทานาคราช
นาคราชขอของที่ระลึกไว้บูชา จึงทรงประทับรอยพระบาทไว้นับเป็นรอยพระพุทธบาทที่เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก
๘.แม่น้ำเนรัญชา
เป็นแม่น้ำที่ไหลผ่านแคว้นมคธ ณ ตำบลอุรุเวลาเสนานิคมซึ่งตั้งอยู่บนลุ่มแม่น้ำเนรัญชรา
อันเป็นภูมิสถานที่สงบน่ารื่นรมย์พระมหาบุรุษทรงเลือกที่แห่งนี้เป็นที่บำเพ็ญเพียร
ทรงประทับอยู่ ณ ที่นี้ นานถึง ๖ ปี พระมหาบุรุษทรงบำเพ็ญทุกรกิริยา
และเปลี่ยนมาทรงดำเนินในมัชณิมาปฏิปทา จนได้ตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธญาณ
ภายใต้ร่มพระศรีมหาโพธิ์ ในตำบลนี่ ณ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชราแห่งนี้
๙.ปัญจมหานที
คือแม่น้ำสำคัญ ๕ สาย อันมีต้นกำเนิดจากเทือกเขาหิมพานต์ (หิมาลัย)
ซึ่งแถบเชิงเขาปกคลุมไปด้วยป่าไม้ใหญ่มีฝนตกชุก เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารหลายสายไหลลงมาทางใต้
ปัญจมหานที (หรือปัญจนที) คือ ๑.แม่น้ำคงคา
๒.แม่น้ำยมุนา ๓. แม่น้ำอจิรวดี (หรือแม่น้ำรับดิ) ๔. แม่น้ำสรภู ๕.แม่น้ำมหี
๑๐.แม่น้ำภาคะรถี
แม่น้ำภาคีรถีเป็นแควหนึ่งของแม่น้ำคงคาตอนบนแม่น้ำภาคีรถีไหลผ่านแคว้นปัญจาละ
๑๑.
แม่น้ำมหิ แม่น้ำเป็นแม่น้ำสายหนึ่งในแม่น้ำสำคัญ ๕ สายที่เรียกว่าปัญจมหานที
๑๒.แม่น้ำยมุนา
แม่น้ำยมุนาเป็นแม่น้ำสายหนึ่งในแม่น้ำสำคัญ ๕ สายที่เรียกว่า ปัญจมหานที
บรรดาแคว้นในมหาชนบท ๑๖ ที่อยู่บริเวณลุ่มแม่น้ำยมุนามีดังนี้ แคว้นกาสี
ตั้งอยู่ตอนบรรจบของแม่น้ำยมุนาและคงคา, แคว้นวังสะ ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของแม่น้ำยมุนา
นครหลงชื่อกรุงโกสัมพี ตั้งอยู่เหนือฝั่งแม่น้ำยมุนา, แคว้นกุรุ ตั้งอยู่บนลุ่มแม่น้ำยมุนาตอนบน,
แคว้นมัจฉะ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำสินธุกับตอนบน, แคว้นสุรเสนะ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำสินธุกับแม่น้ำยมุนาตอนล่าง
๑๓.แม่น้ำโรหิณี
เป็นแม่น้ำที่เป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างแคว้นศายะกับแคว้นโกลิยะ แคว้นทั้งสองได้เกิดกรณีพิพาทอันมีมูลเหตุจากการแย่งกันใช้น้ำจากแม่น้ำโรหิณีเพื่อทำการเกษตร
จนเกือบจะเกิดสงคราม พระพุทธเจ้าทรงเสด็จมาระงับการวิวาทระหว่างพระญาติทั้ง
๒ ฝ่ายจนสงบลงได้, พระอานนท์ซึ่งเป็นพระอุปัฏฐากประจำประองค์ของพระพุทธเจ้า
เป็นเจ้าชายในศากยวงศ์ เป็นพระโอรสของพระเจ้าสุกโกทนะ ซึ่งเป็นพระเจ้าอาของเจ้าชายสิทธัตถะ
ครั้นเมื่อพระอานนท์ดำรงชีวิตสืบมาจนอายุได้ ๑๒๐ ปี จึงปรินิพพานในอากาศเหนือแม่น้ำโรหิณี
ซึ่งเป็นเส้นกั้นแดนระหว่างแคว้นของพระญาติทั้งสองฝ่ายคือ ศากยะและโกลิยะ
๑๔.แม่น้ำวัคคุมุทา
เป็นแม่น้ำที่พระมหาสาวกยโสชะ ผู้เป็นบุตรหัวหน้าชาวประมงใกล้ประตูเมืองสาวัตถี
ได้ฟังพระธรรมเทศนากปิลสูตรที่พระพุทธเจ้าทรงแสดง มีความเลื่อมใสขอบวช
ต่อมาไปเจริญสมณธรรมที่ริมฝั่งแม่น้ำวัคคุมาทา ได้สำเร็จพระอรหัต
๑๕.แม่น้ำสรภู
เป็นแม่น้ำสายหนึ่งในแม่น้ำสำคัญ ๕ สายที่เรียกว่า ปัญจมหานที
๑๖.แม่น้ำสัลลวตี
เป็นแม่น้ำที่กั้นอาณาเขตมัชฌิมชนบทหรือถิ่นกลางที่มีความเจริญรุ่งเรือง
กับปัจจันตชนบทหรือหัวเมืองชั้นนอกถิ่นที่ยังไม่เจริญ ทางด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้
นับจากแม่น้ำสัลลวตีเข้ามาถือเป็นเขตมัชฌิมชนบท
๑๗.
แม่น้ำสินธุ ไหลผ่านแคว้นในมหาชนบท ๑๖ ดังนี้ แคว้นมัจฉะ ตั้งอยู่ริมแม่น้ำสินธุกับแม่น้ำยมุนาตอนบน,
แคว้นสุรเสนะ ตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำสินธุกับแม่น้ำยมุนาตอนล่าง, แคว้นคันธาระ
ตั้งอยู่ทางลุ่มแม่น้ำสิธุตอนบน,
๑๘.แม่น้ำโสนะ
แคว้นมคธตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำโสนะกับแคว้นอังคะ โดยมีแม่น้ำคงคาอยู่ทางทิศเหนือ
มีภูเขาวินทัยอยู่ทางทิศใต้และทิศตะวันตก
๑๙.แม่ร้ำหิรัญญวดี
เป็นแม่น้ำสายสุดท้ายที่พระพุทธเจ้าเสด็จข้าม โดยพระพุทธองค์เสด็จไปเมืองกุสินาราในวันที่จะดับขันธปรินิพาน
ทรงข้ามแม่น้ำหิรัญวดีเข้าสู่สาลวโนทยานของมัลลกษัตริย์ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำแห่งนี้
ณ สาลวโนทยาน พระพุทธเจ้าทรงปรินิพพานแม่น้ำหิรัญวดี ไหลลงไปบรรจบกับแม่น้ำสรภู
๒๐.แม่น้ำอจิรวดี
เรียกกันในปัจจุบัน ว่า "ราปติ" เป็นแม่น้ำสายหนึ่งในแม่น้ำสำคัญ
๕ สายที่เรียกว่าปัญจมหานที แม่น้ำอจิรวดี (หรือที่เรียกว่ารับดิ)
มีพระนครสาวัตถี นครหลวงของแคว้นโกศลตั้งอยู่บนฝั่งลำน้ำ และจุดที่บรรจบของแม่น้ำอจิรวดีกับแม่น้ำคันธกะเป็นที่ตั้งของนครกุสินาราเมืองหลวงของแคว้นมัลละ
๒๑.แม่น้ำอโนมานที
ปัจจุบันเรียกว่า แม่น้ำอามี อยู่ในบริเวณเขตจังหวัดโครักขปูร์
เป็นแม่น้ำที่กั้นพรมแดนระหว่างแคว้นสักกะกับแคว้นมัลละ ไหลเชื่อมต่อกับแม่น้ำอจิรวดี
(ปัจจุบันเรียกว่า "ราปติ) แม่น้ำอโนมานที นี้เป็นแม่น้ำมีความสำคัญในพุทธประวัติเมื่อคราวเสด็จออกบรรพชา
กล่าวคือ เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะตัดสินพระทัยเสด็จออกบรรพชาแล้ว เมื่อพระชนมายุ
๒๙ พรรษา ได้เสด็จออกในยามดึกพร้อมกับม้ากัณฐกะอัศวราชคู่พระทัย และเป็นสหชาติของพระองค์ด้วย
โดยมีนายฉันนะตามเสด็จ เมื่อถึงฝั่งแม่น้ำอโนมานที ซึ่งเป็นแม้น้ำกั้นระหว่างพรหมแดนยแคว้นสักกะกับแคว้นมัลละ
อยู่ห่างจากกรุงกบิลพัสดุ์ ๓๐ โยชน์ ทรงอธิษฐานเพศบรรพชิตที่นี่ พุทธประวัติตอนนี้แสดงไว้ว่า
ฆฏิการพรหมนำเครื่องบริขารเพศบรรพชิตมาทูลถวาย เมื่อพระองค์ทรงใช้พระขรรตัดพระเมาลีแล้ว
ทรงอธิษฐานว่าหากจะได้ค้นพบสัจธรรมขอให้ผมนี้จงอย่าได้ตกลงมา และได้โยนพระเกศาขึ้นสู่ท้องฟ้า
ท้าวสักกะได้รับพระเกศานั้น และนำไปประดิษฐานที่จุฬามณีเจดีย์สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
ส่วนพระภูษาของพระองค์นั้น ฆฏิการพรหมนำไปประดิษฐาน ณ ทุสสเจดีย์ ในพรหมโลก
๒๒.แม่น้ำอสิคนี
หรือจันทรภาค ไหลผ่านแคว้นมัททะนครหลวงชื่อสาคละ ตั้งอยู่เหนือแม่น้ำอสิคนีหรือจันทรภาคบุตรแม่น้ำมหานที
และแม่น้ำกฤษณาไว้อีกด้วย
------------------------
ภาพประกอบส่วนหนึ่งจากอินเตอร์เนต จึงขออนุโมทนาเจ้าของภาพไว้ ณ ที่นี้
ที่มา.-
เฟชบุ้คพระมหาบุญโฮม
*******************
|