"ผู้ถูกคุมประพฤติไม่สามารถเข้ารับการบรรพชาอุปสมบท" ประเด็นสำคัญที่ชาวพุทธ เจ้าคณะ พระสังฆาธิการ และพระอุปัชฌาย์ควรรู้
โดย พระมหาบุญโฮม ปริปุณฺณสีโล ป.ธ.๕,นธ.เอก,ศษ.บ.,MPA.(นิด้า) วัดท่าไทร ต.ท่าทองใหม่ อ.กาญจนดิษฐ์ จ.สุราษฎร์ธานี ๘๔๒๙๐

            มีผู้สงสัยและสอบถามมายังแอดมิน(พระมหาบุญโฮม) ว่า "ผู้ถูกคุมประพฤติสามารถเข้ารับการบรรพชาอุปสมบทได้หรือไม่ ?? ขอทราบหลักฐานเพื่ออ้างอิงด้วย"... แหมๆๆ แอดมินมีความรู้สึกว่ายังกะข้อสอบเลย แต่เมื่อถามมาก็ต้องตอบ ตามหลักฐานซึ่งมีอยู่ และเมื่อตอบแล้วเลยถือโอกาสเอามาลงเฟช เพื่อเผยแพร่ความรู้แก่สาธารณะอีกครั้งหนึ่งครับ

            คำตอบก็คือ "ผู้ถูกคุมประพฤติไม่สามารถเข้ารับการบรรพชาอุปสมบท เพราะกระบวนการยุติธรรมยังไม่สิ้นสุด หากอุปัชฌาย์ท่านใด "นั่งอุปัชฌาย์ให้การบรรพชาอุปสมบทแก่ผู้ที่อยู่ในระหว่างคุมประพฤติ ถือว่า บกพร่องหน้าที่ (ตามหมวด ๓ หน้าที่พระอุปัชฌาย์ กฏ มส.๑๗) และเป็นการ
ปฏิบัติหน้าที่โดยละเมิดจริยาต้องได้รับโทษฐานละเมิดจริยาอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้ (๑) ให้ถอดถอนจากตำแหน่งหน้าที่พระอุปัชฌาย์ (๒) ให้ระงับหน้าที่พระอุปัชฌาย์ชั่วคราวไม่เกิน ๒ ปี (๓) เรียกตัวมาอบรมชั่วคราวไม่เกิน ๑ ปี (๔) ให้ทำทัณฑ์บน (๕) ตำหนิโทษเป็นลายลักษณ์อักษร (ตามข้อ ๓๓ แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่๑๗ ( พ.ศ. ๒๕๓๖ ) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระอุปัชฌาย์"
แต่ "ผู้ที่ถูกคุมประพฤติ" สามารถบวชชีพราหมณ์ นุ่งขาว ห่มขาว ไม่ต้องโกนศีรษะ และอาศัยอยู่ในที่เดิมของตนได้ตลอดระยะเวลาที่ถูกคุมความประพฤติ หรือประสานงานขอคำแนะนำการอบรมผู้คุมประพฤติกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ" เพราะ มหาเถรสมาคมได้มีมติไว้ว่า "คณะสงฆ์ต้องปฏิบัติตามกฏมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๑๗(พ.ศ.๒๕๓๖) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระอุปัชฌาย์ และเสนอแนะว่า กรมคุมประพฤติควรจัดให้ผู้ถูกคุมความประพฤติทั้ง ๓ ประเภท ได้ฟังพระธรรมเทศนา โดยนิมนต์พระไปแสดงธรรมเทศนาเป็นครั้งคราว สำหรับผู้ที่ประสงค์จะบรรพชาอุปสมบท ควรให้บวชชีพราหมณ์ นุ่งขาว ห่มขาว ไม่ต้องโกนศีรษะ และอาศัยอยู่ในที่เดิมของตนได้ตลอดระยะเวลาที่ถูกคุมความประพฤติ หรือประสานงานขอคำแนะนำการอบรมผู้คุมประพฤติกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ"

            โดยมีหลักฐานอ้างอิงชิ้นสำคัญ ซึ่งได้แก่ "มติมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๔/๒๕๕๓ มติที่ ๘๖/๒๕๕๓ เรื่อง ผู้ถูกคุมความประพฤติขออนุญาตบรรพชาอุปสมบท ประกาศในแถลงการณ์คณะสงฆ์ เล่ม ๙๘ ตอนที่ ๑ วันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ หน้าที่ ๖๗" รายะเอียดดังนี้

            ในการประชุมมหาเถรสมาคม ครั้งที่ ๘/๒๕๕๓ เมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๓ เลขาธิการมหาเถรสมาคม เสนอว่า กรมคุมประพฤติ กระทรวงยุติธรรม ได้มีหนังสือที่ ยธ ๐๓๑๗/๒๘๐๖ ลงวันที่ ๓๐ ธันวาคม ๒๕๕๒ แจ้งว่า มีภารกิจควบคุมดูแลรับผิดชอบผู้กระทำผิด ๓ ประเภท คือ

            ๑. ผู้ถูกคุมความประพฤติที่เป็นผู้ใหญ่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๖ ซึ่งผู้กระทำผิดมีโทษจำคุกไม่เกิน ๓ ปี แต่ไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน หรือได้รับโทษจำคุกมาก่อนแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ โดยศาลพิพากษาว่าผู้นั้นมีความผิดแต่รอลงการกำหนดโทษ หรือกำหนดโทษแต่รอการลงโทษจำคุกโดยกำหนดเงื่อนไขคุมประพฤติไว้ เพื่อให้โอกาสกลับตัวภายในระยะเวลาที่กำหนด แต่ต้องไม่เกิน ๕ ปี นับจากวันที่ศาลพิพากษา

            ๒. ผู้ถูกคุมความประพฤติที่เป็นเด็กและเยาวชน ซึ่งศาลเยาวชนและครอบครัวกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติไว้

            ๓. ผู้ถูกคุมความประพฤติพักการลงโทษ/ลดวันต้องโทษจำคุก คือนักโทษเด็ดขาดที่ต้องโทษมาแล้วระยะเวลาหนึ่ง และปฏิบัติตนเป็นประโยชน์และกระทำความดีในระหว่างต้องโทษจำคุก จึงได้รับโอกาสพักการลงโทษหรือลดวันต้องโทษจำคุกออกจากเรือนจำก่อนครบกำหนดโทษ โดยประกอบอาชีพและพักอาศัยอยู่กับผู้อุปการะซึ่งเป็นญาติหรือบุคคลซึ่งรับจะดูแลอุปการะนักโทษเด็ดขาดรายนี้ ซึ่งกรมราชทัณฑ์ได้กำหนดเงื่อนไขคุมความประพฤติและให้รายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ ณ สำนักงานคุมประพฤติ กรมคุมประพฤติ ตามกำหนดจนครบกำหนดพ้นโทษและถือว่ายังมีสถานะเป็นนักโทษ หากกระทำผิดเงื่อนไขการคุมความประพฤติ จะถูกจับกุมกลับไปต้องโทษในเรือนจำอีก

            ทั้งนี้ ในระหว่างการคุมความประพฤติ ปรากฏว่าผู้ถูกคุมความประพฤติขอบรรพชาอุปสมบท ดังนั้น กรมคุมความประพฤติจึงขอทราบว่า ผู้ถูกคุมความประพฤติทั้ง ๓ ประเภทดังกล่าว จะบรรพชาอุปสมบทได้หรือไม่ เพื่อกรมคุมประพฤติจะได้ดำเนินการให้ถูกต้องต่อไป

            สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เห็นควรนำเสนอมหาเถรสมาคมเพื่อโปรดพิจารณา

            ที่ประชุมพิจารณาแล้วลงมติ คณะสงฆ์ต้องปฏิบัติตามกฏมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๑๗(พ.ศ.๒๕๓๖) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระอุปัชฌาย์ และเสนอแนะว่า กรมคุมประพฤติควรจัดให้ผู้ถูกคุมความประพฤติทั้ง ๓ ประเภท ได้ฟังพระธรรมเทศนา โดยนิมนต์พระไปแสดงธรรมเทศนาเป็นครั้งคราว สำหรับผู้ที่ประสงค์จะบรรพชาอุปสมบท ควรให้บวชชีพราหมณ์ นุ่งขาว ห่มขาว ไม่ต้องโกนศีรษะ และอาศัยอยู่ในที่เดิมของตนได้ตลอดระยะเวลาที่ถูกคุมความประพฤติ หรือประสานงานขอคำแนะนำการอบรมผู้คุมประพฤติกับสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ

"ส่วนหนึ่งของหน้าที่อุปัชฌาย์" ตาม กฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่๑๗ ( พ.ศ. ๒๕๓๖ ) ว่าด้วยการแต่งตั้งถอดถอนพระอุปัชฌาย์



.

  คนต้องห้ามบรรพชาอุปสมบท :
           คนทำความผิด=ศาลติดสินเป็นที่สุดแล้ว(กำลังอยู่ในระหว่างลงโทษ/คุมประพฤติ), คนหลบหนีอาญาแผ่นดิน=ศาลดัดสินว่าผิด แล้วหลบหนี(เหมือนใครบางคน ที่หนีคดีไปอยู่ต่างประเทศ, คนหลบหนีราชการ=หนีทหาร,เป็นข้าราชการซึ่งยังไม่ได้รับอนุญาตให้ลาบวชได้, ผู้ต้องหาคดีอาญา=เป็นผู้ถูกกล่าวหาคดีอาญา อยู่ในชั้นสอบสวน-อัยการ ที่ยังไม่ฟ้องศาล,คนเคยถูกตัดสินจำคุกฐานเป็นผู้ร้ายสำคัญ=คดีใหญ่โต สะเทือนขวัญ ซึ่งมิใช่คดีลหุโทษ,มีโรคติดต่ออันน่ารังเกียจ=เป็นโรค ๖ ชนิด ที่ไม่สามารถรับราชการได้, พิการ=ร่างกายไม่ปกติ ผิดปกติจากคนสามัญทั่วไป)



ที่มา.- เฟชบุ้ค "พระมหาบุญโฮม"


*******************