ผลวิจัยสหรัฐ ชี้ฝึกสมาธิวิถี ‘พุทธ’ ชะลอสมองเสื่อม-ชีวิตดีขึ้น


 

          ผลการศึกษาวิจัยของภาควิชาจิตศาสตร์แห่งโรงพยาบาลแมสซาชูเซตส์ เจนเนอรัล สหรัฐอเมริกา ที่ตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสารการแพทย์นิวโรรีพอร์ตเผยเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน ว่าการทำสมาธิเป็นประจำจะช่วยให้เยื่อหุ้มสมองหนาขึ้น โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการรับความรู้สึก การได้ยิน และการมองเห็น รวมไปถึงการรับรู้ภายใน เช่น การรับรู้โดยอัตโนมัติของอัตราการเต้นของหัวใจหรือการหายใจ

          ผลการศึกษาดังกล่าวยังชี้ด้วยว่า การนั่งสมาธิจะช่วยชะลอความเสื่อมของเปลือกสมองส่วนหน้าจะบางลงไปเรื่อยๆ ตามอายุ โดยนายเจเรมี เกรย์ ผู้ช่วยศาสตราจารย์แห่งภาควิชาจิตศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเยลของสหรัฐ หนึ่งในทีมผู้ศึกษาวิจัยเผยว่า ผู้ที่เข้าร่วมในงานวิจัยดังกล่าวคือประชาชนทั่วไปที่ทำงานและมีครอบครัว โดยใช้เวลาในการทำสมาธิโดยเฉลี่ยเพียงวันละ 40 นาทีเท่านั้น และสิ่งที่น่าสนใจที่สุดในการทำสมาธิคือสามารถเปลี่ยนเรื่องแย่ๆ ให้ดีขึ้นได้

          การวิจัยดังกล่าวทำขึ้นในคนเพียง 20 คน ที่เข้าร่วมการฝึกสมาธิด้วยการกำหนดจิตตามแบบพุทธศาสนา ได้ผลลัพธ์ที่สำคัญคือการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในโครงสร้างสมองส่วนใหญ่ถูกพบในสมองซีกขวา มีความสำคัญสำหรับความตั้งใจแน่วแน่ และความตั้งใจดังกล่าวเป็นเป้าหมายของการทำสมาธิ นอกจากนี้ ผู้วิจัยยังคาดเดาว่าการฝึกสมาธิในรูปแบบอื่น เช่น การฝึกโยคะ อาจมีผลต่อโครงสร้างสมองในรูปแบบเดียวกัน

 


ที่มา : นสพ.มติชน 13 พ.ย.48

 

วัดท่าไทร
สำนักงานเจ้าคณะภาค ๑๖
สำนักงานเจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ศูนย์พัฒนาคุณธรรมภาคใต้(สุราษฎร์ธานี)
สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ศูนย์ประสานงานสมาคมป้องกันภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานี