การทำวัตรสวดมนต์
|
|||
****************************
|
|||
ความหมาย
|
|||
การทำวัตร หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ว่า ทำวัตร คือการทำกิจที่ต้องทำจนเป็นกิจวัตรประจำวัน | |||
ซึ่งเป็นหน้าที่ของพระภิกษุสามเณรและอุบาสกอุบาสิกาทั่วไป
จะละเว้นเสียเป็นการไม่สมควร เพราะเป็นหน้าที่ โดยตรงของผู้มุ่งแสวงบุญอย่างหนึ่ง การทำวัตรนิยมทำกันวันละ ๒ เวลา คือเช้ากับเย็น เรียกว่า ทำวัตรเช้า ทำวัตรเย็น |
|||
กิจที่ต้องทำในเวลาทำวัตรทั้งสองเวลานั้นคือ สวดบูชาพระรัตนตรัย สวดพิจารณาปัจจัยที่บริโภคทุกวัน | |||
สวดเจริญกรรมฐานตามควร
สวดอนุโมทนาทานของทายก และสวดแผ่ส่วนกุศล (กรวดน้ำ) ซึ่งคำสวดเหล่านี้มี แบบสากลใช้ทั่วไป จะมีต่างกันบ้างในบางแห่งก็เฉพาะบางบทที่ตัดออกหรือเพิ่มเติมเข้ามาตามความนิยมใน ถิ่นนั้น ๆ เท่านั้น |
|||
การสวดมนต์ คือ การสวดสาธยายบทพระพุทธมนต์ต่าง ๆ ที่เป็นพระสูตรก็มี เป็นพระปริตรก็มี เป็นคาถา | |||
นิยมที่กำหนดขึ้นเพื่อให้นำมาสวดประกอบในการสวดมนต์เป็นประจำก็มี
การสวดมนต์นี้นิยมสวดต่อท้ายทำวัตร ความมุ่งหมาย |
|||
ในสมัยพระพุทธองค์ยังทรงพระชนม์อยู่ พระภิกษุสงฆ์จักพากันเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าในตอนหัวค่ำของทุกๆ | |||
วันเป็นนิตย์
ในโอกาสนั้นนอกจากจะได้พบพระพุทธเจ้าแล้ว ยังได้ฟังโอวาท ฟังอนุสาสนี และระเบียบวินัยที่ทรง
บัญญัติขึ้นใหม่ด้วย การเข้าเฝ้านี้ถือว่าเป็นกิจวัตรประจำวันของพระภิกษุ และแม้อุบาสกอุบาสิกาก็เข้าเฝ้าแบบนี้ เหมือนกัน แต่เป็นเวลาบ่ายถึงเย็น |
|||
พระพุทธองค์ก็ทรงถือว่าการให้พระภิกษุสามเณร ทายกทายิกาเข้าเฝ้าในเวลานั้น ๆ เป็นกิจวัตรประจำวัน | |||
จึงไม่เสด็จไปไหนในเวลานั้น
ต่อมาเมื่อพระพุทธองค์ปรินิพพานแล้ว มีประเพณีสร้างพระพุทธรูปขึ้นเป็นเครื่อง หมายเคารพสักการะแทนพระพุทธเจ้า และประดิษฐานไว้ ณ สถานที่สำคัญ ๆ ของวัด เช่น ในโรงอุโบสถ วิหาร ศาลาการเปรียญ เป็นต้น |
|||
สถานที่ประดิษฐานพระพุทธรูปจัดเป็นเอกเทศ โอ่โถง และสะอาดสวยงาม เพราะถือกันว่าเป็นที่ประทับ | |||
ของพระพุทธเจ้า ชาวพุทธจึงนิยมเข้าไปยังสถานที่นั้น
ๆ โดยปฏิบัติเหมือนว่าได้เข้าเฝ้าองค์พระพุทธเจ้าทุกเช้า- การทำวัตรสวดมนต์ |
|||
นอกจากมุ่งหมายเพื่อให้ชาวพุทธได้เข้าเฝ้าองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เหมือนเมื่อครั้งพุทธกาลแล้ว | |||
ยังเพื่อให้ผู้ปฏิบัติได้บำเพ็ญพระกรรมฐานอันเป็นอุบายให้จิตเป็นสมาธิมีความสงบ
ไม่ฟุ้งซ่านวุ่นวายในขณะนั้น แม้จะชั่วระยะเวลาเพียงครึ่งชั่วโมงหรือหนึ่งชั่วโมง
ก็จะมีผลทำให้จิตใจได้พักผ่อนจากอารมณ์ภายนอก ทำให้เกิด ความเยือกเย็นเย็นสุขุมขึ้น เหมือนเครื่องยนต์ที่ถูกใช้งานหนักมาแล้วได้ถูกพักบ้างแม้ไม่นานก็ตาม ก็ทำให้เครื่อง ยนต์นั้นเย็นลงมีกำลังดีขึ้น ฉะนั้น |
|||
นอกจากนั้น การทำวัตรสวดมนต์ยังเป็นโอกาสให้พระภิกษุสามเณรได้สวดพิจารณาปัจจัย ได้สวด | |||
อนุโมทนาทานของทายก
ได้สวดแผ่ส่วนกุศลหรือกรวดน้ำให้ผู้อื่นด้วยจิตบริสุทธิ์อีกด้วย เพราะมีความมุ่งหมาย
ดังนี้ บัณฑิตทั้งหลายจึงกำหนดการทำวัตรสวดมนต์ขึ้นไว้เป็นหน้าที่ของชาวพุทธอย่างหนึ่ง
ที่ไม่ควรละเว้น หรือหลบหลีก ประโยชน์ของการทำวัตรสวดมนต์ |
|||
ดังกล่าวมาแล้วว่า การทำวัตรสวดมนต์เป็นอุบายทำความดีซึ่งเป็นบุญอย่างหนึ่ง ฉะนั้น เมื่อทำจนเป็นนิสัย | |||
ประจำวันแล้ว ย่อมได้รับผลอานิสงส์หลายประการ เช่น | |||
๑. ทำให้ได้รับความชื่นใจสบายใจ ทำให้เกิดพุทธานุสติ ธัมมานุสติ สังฆานุสติ เหมือนได้เข้าเฝ้าองค์พระ- | |||
สัมมาสัมพุทธเจ้าต่อพระพักตร์ทุกวัน | |||
๒. ได้ชื่อว่าบำเพ็ญพระกรรมฐาน อบรมจิตใจให้เป็นสมาธิ มีความแน่วแน่ สงบเย็น ไม่ฟุ้งซ่าน ทำให้จิตใจ | |||
มีอำนาจมีพลัง สามารถควบคุมอารมณ์ข่มกิเลส และควบคุมตัวเองได้ดี | |||
๓. ได้เปลื้องมลทินอันเกิดจากการบริโภคปัจจัยของทายกโดยมิได้พิจารณาในวันนั้น เท่ากับได้เปลื้องหนี้ | |||
ให้ตัวเอง จัดเป็นผลทางพระวินัย | |||
๔.
ได้มีโอกาสแผ่ส่วนบุญกุศลให้แก่ผู้อื่น จัดว่าได้ทำบุญข้อว่า ปัตติทานมัย ๕. ได้รับความนับถือและยกย่องจากพระภิกษุสามเณรด้วยกันและทายกทายิกาทั่วไปว่าเป็นพุทธศาสนิกชน |
|||
ที่ดี ไม่ละเว้นหน้าที่ที่จะต้องทำ รักษาระเบียบประเพณีไว้ได้ เป็นการสร้างแบบอย่างที่ดีไว้แก่อนุชนรุ่นหลัง | |||
๖. ทำให้เป็นผู้อาจหาญในหมู่ ไม่ติดขัดเก้อเขินในเวลาทำพิธี เพราะเป็นผู้แคล่วคล่องในมนต์ต่าง ๆ | |||
แบบพิธีทำวัตรสวดมนต์ |
|||
การทำวัตรสวดมนต์นี้มีแบบอย่างโดยเฉพาะ คือ แบบทำวัตรสวดมนต์สำหรับพระภิกษุสามเณร | |||
แบบทำวัตรสวดมนต์สำหรับอุบาสกอุบาสิกา
และแบบทำวัตรสวดมนต์สำหรับนักเรียน เป็นต้น ซึ่งแต่ละแบบนั้นมี เหมือนกันบ้าง แตกต่างกันบ้าง มากน้อยตามความนิยม ส่วนมากก็มีเป็นหนังสือเฉพาะแบบแล้ว จึงจะไม่นำมา กล่าวในที่นี้อีก ผู้สนใจพึงแสวงหาไว้เป็นสมบัติส่วนตัวเพื่อปฏิบัติเองเถิด. |
|||
**********************************
|
|||
กลับไปหน้าแรก กลับไปหน้า Web วัดท่าไทร |
|||