สัจจะแห่งกรรม
โดย ฟ้าเมือง ชาวหินฟ้า ************************************************************* |
|
ศาสนาพุทธเป็นศาสนาที่เชื่อในเรื่องของกรรมใครทำกรรมอะไรไว้ ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือชั่วก็ตาม | |
จะต้องได้รับผลจากการกระทำนั้น ไม่เร็วก็ช้า | |
ผู้คนส่วนใหญ่ในทุกวันนี้ก็คงจะเชื่อในเรื่องกรรมเหมือนกัน เพราะสอดคล้องกับประสบการณ์เชิงประ- | |
จักษ์ในชีวิต
เพียงแต่อาจเข้าใจความสลับซับซ้อนของสัจจะแห่งกรรมไม่ตรงกันเท่านั้น เช่น ผู้คนทั่วไปคงอยากมี ความสุขจากการได้บริโภค รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส ซึ่งต้องใช้เงินแลกเปลี่ยนซื้อหามา เมื่ออยากร่ำรวยและมีความ สุขก็ต้องกระทำ "กรรม" บางอย่างในลักษณะทิศทางที่จะทำให้ได้เงินจำนวนมาก ๆ และได้รับความสุข ถ้าอยู่เฉย ๆ ไม่ทำ "กรรม"อะไรเลยก็คงไม่มีโอกาสได้เงินแน่ ๆ การกระทำกรรมบางอย่างทำแล้วอาจได้เงินจำนวนมากทันตา เห็น เช่น การค้ายาเสพติดหรือค้าขายสิ่งผิดกฎหมายต่าง ๆ เป็นต้น แต่บางคนทำแล้วถูกจับติดคุกหมดอนาคต ขณะ ที่บางคนทำแล้วอาจจะได้เป็นเศรษฐี แถมมีเงินไปลงทุนต่อในธุรกิจการเมืองจนได้เป็น ส.ส. หรือรัฐมนตรีที่ตำรวจ ต้องคอยพินอบพิเทา |
|
การกระทำกรรมแบบเดียวกันจึงไม่ใช่จะได้รับผลเหมือนกันเสมอไป เนื่องจากมีรายละเอียดของเงื่อนไข | |
องค์ประกอบต่าง
ๆ ในแต่ละกรณีที่ไม่เหมือนกัน ขี้นกับภูมิหลังของแต่ละคนที่สั่งสมกรรมมาแตกต่างกัน
การไม่เข้า ใจกลไกการทำงานของกรรมชัดเจน ส่งผลให้ผู้คนจำนวนไม่น้อยเกิดความสับสนเข้าใจสัจจะแห่งกรรมผิด บางคนก็ อาจเห็นกงจักรเป็นดอกบัว เข้าใจว่ากระทำสิ่งที่เป็นอกุศลกรรมแล้วจะได้รับผลเป็นกุศลวิบากประสบความสุขความ เจริญต่าง ๆ |
|
กลไกการทำงานส่วนหนึ่งของกรรม อาจอธิบายได้จากกรอบความคิดของทฤษฎีทางจิตวิเคราะห์ เพราะ | |
ใครทำกรรมอะไรไว้ถึงจะหลอกคนอื่นได้
แต่หลอกตัวเองไม่ได้ เมื่อข้อมูลของการกระทำถูกเก็บบันทึกไว้ในจิตใต้ สำนึก หรือจิตไร้สำนึกส่วนลึก ก็จะก่อรูปเป็น โครงร่างของจิตวิญญาณ ที่มีคุณลักษณะแบบใดแบบหนึ่งอันจะส่งผล ให้โครงสร้างส่วนบนของพฤติกรรม ซึ่งถูกกำหนดโดยโครงสร้างส่วนลึกของจิตใต้สำนึกหรือจิตไร้สำนึกนี้ มีแบบแผน เป็นไปในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง ตัวอย่างเช่น บางคนเพิ่งเคยพบหน้ากันครั้งแรกก็รู้สึกขัดหูขวางตา ไม่ค่อยพอใจ กับบุคลิกลักษณะของคน ๆ นั้น ความไม่ชอบใจนี้อาจจะนำไปสู่การแสดงพฤติกรรมขัดแย้งเป็นปฏิปักษ์ แล้วก็คลี่ คลายต่อไปเป็นการเบียดเบียนทำร้ายกันจนเกิดเป็นบทบาทเรื่องราวต่าง ๆ ตามมา |
|
ขณะที่บางคนเพียงพบหน้าครั้งแรกก็อาจรู้สึกถูกชะตาเหมือนรู้จักคุ้นเคยกันมานานปี ซึ่งก็จะนำไปสู่การ | |
แสดงพฤติกรรมอีกอย่างหนึ่ง
อันส่งผลให้เกิดเป็นบทบาทของเรื่องราวต่าง ๆ ในชีวิตอีกลักษะหนึ่งเช่นกันพระพุทธ
ศาสนาเชื่อว่าจิตวิญญาณเป็นประธานของสิ่งทั้งหลายทั้งปวง เมื่อจิตมีความรู้สึกนึกคิดอย่างไรก็จะส่งผลกระทำต่อ เนื่องไปถึงพฤติกรรมทางกายและวาจา ที่จะแสดงออกในทิศทางที่สอดคล้องกับความรู้สึกนึกคิดนั้น ๆ จนเกิดเป็น บทบาทเรื่องราวต่าง ๆ ในลักษณะที่สัมพันธ์กับคุณลักษณะของจิตวิญญาณ (หรือสิ่งที่ฝังอยู่ในจิตใต้สำนึกส่วนลึก ซึ่งเกิดจากกรรมที่เคยกระทำไว้) กรรมหรือการกระทำที่ประกอบด้วยเจตนา จึงเป็นกรรมที่ส่งผลกระทบมากกว่าที่ กระทำโดยไม่เจตนา ทันทีที่กระทำกุศลกรรมก็จะมีผลกระทบไปกำหนดโครงสร้างของจิตส่วนลึกในลักษณะทิศทาง ที่จะส่งผลเป็นกุศลวิบาก ขณะที่เมื่อกระทำอกุศลกรรมก็จะมีผลกระทำต่อโครงสร้างของจิตส่วนลึก ในทิศทางตรง ข้ามที่จะส่งผลเป็นอกุศลวิบาก |
|
ฉะนั้นเมื่อกระทำกรรมใด ๆ ไม่ว่าจะเป็นกรรมดีหรือชั่วก็ตามผลของการกระทำที่ถูกบันทึกไว้ในหน่วย | |
ความจำของจิตใต้สำนึกส่วนลึกนั้น
ๆ จะกำหนดโครงร่างของจิตวิญญาณให้เปลี่ยนแปลงไปในลักษณะหนึ่ง ๆ จนมี อิทธิพลกำหนดบทบาทพฤติกรรมของชีวิตในทิศทางที่สอดคล้องสัมพันธ์กับกรรมที่กระทำลงไปนั้น ๆ |
|
การทำความดีจึงมีผลเป็นกุศลวิบากเสมอ ขณะที่การทำความชั่วจะส่งผลเป็นอกุศลวิบาก | |
โดยที่ไม่มีใครสามารถบิดเบือนเปลี่ยนแปลง | |
***********************************
|
|
กลับหน้าหลัก |