"เมื่อหนุ่มๆ
ข้าพเจ้าเห็นการขยายสะพานตามถนนหลายสาย แต่หินอ่อนที่จารึกบอกชื่อสะพานและปีที่สร้างหายไป
มีจารึกใหม่บอกว่าซ่อมเมื่อไร"
ข้าพเจ้าขอเขียนว่าชอบรู้สร้างเมื่อไร
ยิ่งกว่าซ่อมเมื่อไร
และตอนที่เขาซ่อมสะพานหัวช้าง
มีการย้ายหัวช้างที่หัวสะพานไป ข้าพเจ้าเห็นแล้วไม่สบายใจ เพราะหัวช้างเหล่านั้นมีประวัติศาสตร์
เกรงจะหายไปอยู่แถวๆ เวิ้ง"
ข้อความข้างบน
คัดจาก บทความธรรมดา ของ หลวงเมือง ชื่อ ก่อนที่จะบ้า ในหน้า 2 มติชน
วันอาทิตย์ที่ 4 กันยายน 2548
ที่ขอคัดข้อความตรงนี้มาให้อ่านชัดๆ
เพราะมีนัยยะสำคัญมาก เนื่องจากพฤติกรรมอย่างนั้นยังมีอยู่ และยังมีต่อไป
คือไม่ให้ความสำคัญข้อความปีที่ สร้าง แต่ยกย่องปีที่ ซ่อม เพื่อประกาศเกียรติคุณของผู้มีอำนาจการซ่อม
โดยทำลายคุณงามความดีของคนสร้างไว้
ขอให้ดูป้ายตามวัดวาอารามเกิดมีชื่อคนปัจจุบันบริจาคซ่อมเสนาสนะเป็นแถวเป็นแนวอย่างเคร่งครัด
เพื่อเป็นเกียรติยศของวงศ์ตระกูล แต่ไม่เคยมีป้ายบอกประวัติวัดว่ามีแต่ครั้งไหน?
เมื่อไร? ด้วยเหตุอะไร?
จะว่าทางวัดฝ่ายเดียวก็ไม่ได้
เพราะกรมศิลปากรเองก็ไม่เคยเผยแพร่ด้วยแผ่นป้ายว่า พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ
พระนคร แต่เดิมคือวังหน้า แล้วบอกประวัติย่อๆ ส่วนโรงละครแห่งชาติเองก็ไม่มีแผ่นป้ายประวัติบอกความเป็นมาย่อๆ
แม้ตัวอาคารที่ทำการกรมศิลปากร ซึ่งเป็นบริเวณวังเก่า ก็ไม่มีให้คนทั่วไปเห็นชัดๆ
มหาวิทยาลัยศิลปากร
บริเวณวังท่าพระแท้ๆ มีการเรียนการสอนทางประวัติศาสตร์โบราณคดี และศิลปะสถาปัตยกรรมทั้งมวลอย่างโอ้อวดตัวเองไปทั่ว
แต่ไม่เคยมีแผ่นป้ายให้ความรู้อย่างย่อๆ ต่อความเป็นมาของวัง ซึ่งมีความสำคัญมาก
สำหรับสังคมไทยสมัยนี้
ประวัติศาสตร์มีไว้ "ขาย" นักท่องเที่ยวกับมีไว้ด่าคนอื่นว่าไม่รัก
"ความเป็นไทย" เท่านั้น ไม่ได้มีไว้แบ่งปันแลกเปลี่ยนเรียนรู้รากเหง้าเผ่าพันธุ์ตนเอง
ที่มา : นสพ.มติชน
ฉบับวันที่ 8 ก.ย. 2548 หน้า 34
|