มีผู้รู้หลายท่านกล่าวว่า
มงคล คือทางก้าวหน้า ความสุข ความเจริญ สำหรับพจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตย
สถาน พ.ศ ๒๕๒๕ ให้ความหมายไว้ว่า มงคล คือเหตุที่นำมาซึ่งความเจริญ
คำว่า มงคลชีวิต จึงความความได้ว่า คือเหตุแห่งความสุขและความเจริญก้าวหน้าของชีวิต
เป็นสูตรที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงไว้เป็นข้อควรประพฤติปฏิบัติ
ซึ่งมีอยู่ ๓๘ ประการด้วยกัน
มงคล
เหตุแห่งความเจริญก้าวหน้า ความเจริญก้าวหน้า มี ๔ ประการ คือ
๑.
ความเจริญก้าวหน้าด้วยสรรพสมบัติทั้งหลายทั้งมนุษย์สมบัติทิพย์สมบัติ
และนิพพานสมบัติ
๒.
ความเจริญก้าวหน้าด้วยปัญญา อันเป็นเครื่องทำลายอุปสรรคของชีวิตและความชั่วความบาปต่าง
ๆ
๓.
ความเจริญก้าวหน้าด้วยความดีงาม ทั้งทางกาย วาจา ในเบื้องต้น เบื้องกลาง
และเบื้องสูง
๔.
ความเจริญก้าวหน้าด้วยประโยชน์ทั้ง ๓ คือ
๑.ประโยชน์ในโลกนี้
คือโลกมนุษย์
๒.ประโยชน์ในโลกหน้า
คือสวรรค์
๓.ประโยชน์อย่างยิ่ง
คือ พระนิพพาน
เมื่อเราประพฤติปฏิบัติตามมงคลทั้ง
๓๘ ประการนี้ แม้เพียงมงคลในมงคลหนึ่งก็ตาม ก็ได้ชื่อว่าประกอบ เหตุอันทำมาซึ่งความเจริญก้าวหน้าทั้งประการนี้
ทำให้เราสามารถบำเพ็ญประโยชน์ทั้งแก่ตนเอง แก่ครอบครัวสังคม และแก่ชาวโลกได้เต็มที่
เหตุที่ต้องเรียนรู้จักมงคล
มีสิ่งที่น่าคิดอยู่ประการหนึ่งคือ
การเกิดมาเป็นคน เพียงแค่ศึกษาความรู้สูง ๆ เพื่อให้มีสติปัญญาที่จะทำมาหากินได้สะดวกสบายโดยไม่ติดขัดเท่านี้ยังไม่พอ
ยังไม่แน่ว่าจะหาความสุขได้ เพราะความรู้ที่มีอยู่ในโลกทั่วไปเป็นความรู้เพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้อง
คือเลี้ยงส่วนที่เป็นกายเท่านั้น แต่ส่วนที่เป็นใจยังไม่มีอะไรไปเลี้ยงเนื่องจากคนเรามีส่วนสำคัญอยู่
๒ ส่วน คือกายและใจ
ในเมื่อกายก็ต้องการอาหารไปเลี้ยงเพื่อให้พ้นจากโรคคือความหิว
และให้ร่างกายเกิดความเจริญเติบโตขึ้น ใจก็เช่นเดียวกัน ต้องการอาหารคือธรรมะมาหล่อเลี้ยงเพื่อเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวให้พ้นจากความโลภ
ความโกรธ ความหลง และเพื่อยกระดังจิตใจของเราให้สูงขึ้น จะได้พบกันความสุขควบคู่ไปกับการประกอบอาชีพทำมาหากิน
ด้วยเหตหุนี้เราจึงต้องมาเรียนธรรมะโดยเฉพาะเรื่องมงคลสูตรเพราะไม่เพียงมีความสำคัญดังกล่าวแล้ว
ยังง่ายต่อการทำความเข้าใจ และการนำไปปฏิบัติตามอีกด้วย
ที่มาของมงคล
เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว
คืนหนึ่งขณะที่ประทับอยู่ ณ เชตวันมหาวิหาร ใกล้เมืองสาวัตถี ท้าวสักกเทวราชได้นำหมู่เทวดาเข้าเฝ้า
และบัญชาให้เทพบุตรองค์หนึ่งทูลถามพระองค์ว่า อะไรคือ มงคลของชีวิต
พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงแสดงหลักมงคล ซึ่งมีทั้งหมด ๓๘ ประการมงคลของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ยึดถือวัตถุ
แต่ยึดถือการปฏิบัติฝึกฝนตนเอง
แม้หลักมงคลที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง
จะประกอบไปด้วยเหตุผลอย่างสมบูรณ์ ไม่มีใครสามารถล้างได้ แต่ก็มิได้หมายความว่า
คณาจารย์ นักคิด เจ้าลัทธิทั้งหลายจะล้มเลิกความคิดเดิม หันมาเชื่อพระองค์ทุกคนเพราะล้วนแต่หน้าแน่นด้วยทิฏฐิกันทั้งนั้น
แม้จะรู้ตัวว่าผิด แต่ยังยืนยันวาทะของตนอยู่ และ สานุศิษย์ของแต่ละสำนักก็ยังทำการเผยแพร่อยู่อย่างไม่หยุดยั่งประกอบกับนิสัยของคนเรามีความขลาดประจำตัวอยู่แล้ว
ชอบทำงานอะไรเผื่อเหนียวไว้ก่อน จึงมีผู้ยอมรับนับถือปฏิบัติสืบต่อกันมา
เกิดเป็นมงคล ๒ สาย พัวพันกันมาจนถึงปัจจุบันคือ
๑.
มงคลของนักคิด เรียกว่า มงคลมี ยึดถือเอาว่า การมีสิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นมงคล
ซึ่งแต่ละที่แต่ละสมัยก็ยึดถือต่าง ๆ กันไป ไม่มีอะไรแน่นอน ของบางอย่างบางที่ถือเป็นมงคล
บางที่อาจถือว่าเป็นอัปมงคลก็ได้
๒.
มงคลของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรียกว่า มงคลทำ ยึดถือเอาการปฏิบัติฝึกฝนตนเองเป็นเกณฑ์เป็นสัจธรรม
ที่ไม่เปลี่ยนแปลง ผู้ใดปฏิบัติตามแล้วย่อมได้ผลแน่นอนมงคลของนักคิดนั้น
มีผู้เสนอขึ้นมาแล้ว ก็มีผู้โต้แย้งลบล้างไป แล้วก็มีผู้เสนอขึ้นมาใหม่อยู่เรื่อย
ๆ จนหาข้อยุติไม่ได้ แต่มงคลของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น
เมื่อทรงแสดงแล้วก็ไม่มีใครสามารถหาเหตุผลมาลบล้างได้ แม้พระองค์จะทรงเปิดโอกาสให้คัดค้านวิพากษ์
วิจารณ์ได้ตลอดเวลา ดังความในบทสรรเสริญพระธรรมคุณที่ว่า "เอหิปัสสิโก
เชิญมาพิสูจน์เถิด "
มงคลหมู่ที่
๑
|
|
|
|
๑.
อเสวนา จ พาลานํ การไม่คบคนพาล
๒. ปณฺฑิตานญฺจ เสวนา การคบหาบัณฑิต
๓. ปูชา จ ปูชนียานํ การบูชาบุคคลที่ควรบูชา |
มงคลหมู่ที่
๒
|
|
|
|
๔. ปฏิรูปเทสวาโส
จ อยู่ในถิ่นที่เหมาะสม
๕. ปุพฺเพ จ กตปุญฺญตา มีบุญวาสนามาก่อน
๖. อตฺตสมฺมาปณิธิ จ ตั้งตนชอบ |
มงคลหมู่ที่
๓
|
|
|
|
๗. พาหุสจฺจญฺจ
เป็นพหูสูต
๘. สิปฺปญฺจ มีศิลปะ
๙. วินโย จ สุสิกฺขิโต มีวินัย
๑๐. สุภาสิตา จ ยา วาจา มีวาจาสุภาษิต |
มงคลหมู่ที่
๔
|
|
|
|
๑๑. มาตาปิตุอุปฏฺฐานํ
บำรุงบิดามารดา
๑๒. ปุตฺตสงฺคโห เลี้ยงดูบุตร
๑๓. ทารสฺส สงฺคโห สงเคราะห์ภรรยา (สามี)
๑๔. อนากุลา จ กมฺมนฺตา ทำงานไม่คั่งค้าง |
|
|
|
|
๑๕. ทานญฺจ
บำเพ็ญทาน
๑๖. ธมฺมจริยา จ ประพฤติธรรม
๑๗. ญาตกานญฺจ สงฺคโห สงเคราะห์ญาติ
๑๘. อนวชฺชานิ กมฺมานิ ทำงานไม่มีโทษ
|
|
|
|
|
๑๙. อารตี
วิรตี ปาปา งดเว้นจากบาป
๒๐. มชฺชปานา จ สญฺญโม สำรวมจาการดื่มน้ำเมา
๒๑. อปฺปมาโท จ ธมฺเมสุ ไม่ประมาทในธรรม |
|
|
|
|
๒๒.
คารโว จ มีความเคารพ
๒๓. นิวาโต จ มีความถ่อมตน
๒๔. สนฺตุฏฺฐี จ มีความสันโดษ
๒๕. กตญฺญุตา มีความกตัญญู
๒๖. กาเลน ธมฺมสฺสวนํ ฟังธรรมตามกาล |
|
|
|
|
๒๗. ขนฺตี
จ มีความอดทน
๒๘. โสวจสฺสตา เป็นคนว่าง่าย
๒๙. สมณานญฺจ ทสฺสนํ เห็นสมณะ
๓๐. กาเลน ธมฺมสากจฺฉา สนทนนาธรรมตามกาล |
มงคลหมู่ที่ ๙
|
|
|
|
๓๑. ตโป จ
บำเพ็ญตบะ
๓๒. พฺรหฺมจริยญฺจ ประพฤติพรหมจรรย์
๓๓. อริยสจฺจาน ทสฺสนํ เห็นอริยสัจ
๓๔. นิพฺพานสจฺฉิกิริยา จ ทำนิพพานให้แจ้ง |
มงคลหมู่ที่ ๑๐
|
|
|
|
๓๕. ผุฏฺฐสฺส
โลกธมฺเมหิ จิตฺตํ ยสฺส น กมฺปติ จิตไม่หวั่นไหวในโลกธรรม
๓๖. อโสกํ จิตไม่โศก
๓๗. วิรชํ จิตปราศจากธุลี
๓๘. เขมํ จิตเกษม
|
วัดท่าไทร
สำนักงานเจ้าคณะภาค ๑๖
สำนักงานเจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ศูนย์พัฒนาคุณธรรมภาคใต้(สุราษฎร์ธานี)
สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ศูนย์ประสานงานสมาคมป้องกันภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานี
|