ชีวิตคู่ หรือ ชีวิตแต่งงาน
โดย สุปรีดี รัตนวัต

              ชีวิตแต่งงานหรือชีวิตคู่ มีนัยบ่งว่า ต่อไปนี้ เจ้าจะไม่ใช่นกน้อยที่มีอิสระ บินเดี่ยวไปในโลกกว้างอีกต่อไป แต่ทุกหนทุกแห่งเจ้าจะมีขานกอีกตัวผูกติดกับขาของเจ้า บินไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด นั่นคือ เราก็ไม่ใช่เจ้าของตัวเราแต่ผู้เดียว แต่ทั้งเราและเธอต่างเป็นหุ้นส่วนของกันและกัน ดังนั้นก่อนจะตัดสินใจทำอะไรก็ตาม ควรคิดถึงหุ้นส่วนชีวิตของเราก่อนและทุกครั้ง
              ถ้ายังชอบทำอะไรตามใจตัวเอง นั่นแสดงว่า เราไม่เคารพกติกา และเรากำลังเป็นคนเห็นแก่ตัว ซึ่งไม่ใช่วิสัยของผู้มีคุณธรรมอย่างยิ่ง มีคนเช่นนี้อยู่ในครอบครัว ก็เห็นทีครอบครัวจะไม่เป็นสุขแน่ และมีคนเช่นนี้มากเท่าไรในสังคมประเทศชาติก็ยิ่งทวีความเดือดร้อนมากขึ้นเหมือนที่กำลังเดือดร้อนอยู่ในบ้านเมืองขณะนี้
              ฉะนั้นคนที่ยังโสดและอยากจะสละเสียซึ่งความโสดควรตรองให้จงหนักเพราะนอกจากเราจะเสียอิสระภาพส่วนตัวแล้ว เรายังต้องมีคุณธรรมที่สำคัญยิ่ง คือ ความเสียสละ และรู้จักเคารพกติกา ถ้ายอมรับได้อย่างนี้ก็คิดว่าอย่างน้อยชีวิตคู่ก็เป็นประโยชน์อยู่บ้าง ในแง่ที่จะได้ฝึกปฏิบัติให้ได้คุณธรรมตัวนี้ ถ้าบางครั้งชีวิตโสดก็อาจไม่มีเวลา ไม่มีโอกาสให้เราได้ฝึกนัก
              ผู้เขียนเป็นผู้หนึ่งที่ชื่นชมชีวิตโสดมาก อาจเพราะเคยเห็น รับรู้ประสบการณ์ชีวิตคู่ ที่เลวร้ายและล้มเหลวจากคนใกล้ชิดและคนรอบข้างและทำให้มีทัศนคติต่อชีวิตคู่ค่อนข้างลบ และมักเตือนใครต่อใครเสมอ ด้วยรักและห่วงใยจริง ๆ แต่ครั้งหนึ่งน้องสาวที่รักมาก เธอเป็นคนสวย น่ารัก จึงเป็นที่หมายปองของบรรดาชายหนุ่มหลายคนและในที่สุดเธอก็เลือกคนหนึ่งเป็นคู่ครอง นอกจากจะประสบความสำเร็จในการเกลี้ยกล่อมให้เธอขึ้นมามีความสุขอยู่บนคานทองด้วยกันแล้ว ยังคิดกังวลต่างๆ นานาต่อว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเขา จากนิสัยรักสวยรักงามไม่เคยพานพบความลำบากเป็นคุณหนูของบ้าน เธอร่าเริงแจ่มใส สุขภาพจิตดี สุขภาพกายแข็งแรง เพราะชอบเล่นกีฬา ตีเทนนิสเป็นประจำแต่ไม่เคยกรำงานหนัก ไม่เคยต้องทนอะไรที่ยากๆ ไม่เคยอดหลับอดนอนหรือพักไม่พอ เธอไม่เคยแม้แต่จะเป็นหวัด เอาละซิ แล้วคนอย่างนี้จะมีครอบครัว ไปรับผิดชอบดูแลคนอื่นๆ ไปทำงานบ้าน แล้วก็สรุปว่าไม่รอดแน่ (ว่ะ )
              ที่ไหนได้ พอมีลูกคนแรกเห็นเปิดตำราเลี้ยงดูก็ทำได้ไม่เลว ตามด้วยลูกคนที่สอง มีประสบการณ์เพิ่มเลี้ยงลูกเก่งขึ้น ลูกเป็นเด็กดีน่ารัก แข็งแรงทั้งคู่ บ้านช่องห้องหับก็จัดเป็นระเบียบสะอาดเรียบร้อย ใหม่ๆ ก็เห็นจ้างเด็กมาช่วยงานบ้าน ต่อมาเธอก็ว่าทำเองดีกว่า เป็นแม่บ้านขยันและรู้จักประหยัด อาหารการกินของลูกและสามีก็ดูแลครบทุกมื้อ ทำเองถูกหลักอานามัย แถมฝีมือดี
              ปัญหาต่างๆ ในครอบครัวที่จะทำให้เกิดการทะเลาะเบาะแว้งก็มีเหมือนทุกครอบครัวนั่นแหละ ผู้เขียนเคยเข้าไปแก้ปัญหาให้เสมอ ประโยคแรกที่ผู้เขียนมักเตือนใครต่อใครที่มีปัญหาในชีวิตคู่ บางคนฟูมฟาย " เลิกกัน ! อยู่ด้วยไม่ไหวๆ" ว่าจริงๆแล้วชีวิตคู่ให้บทเรียนล้ำค่าเพียงบทเดียวคือ ความอดทน " เมื่อลงเล่นในเรื่องนี้แล้วอย่ายอมแพ้ พยายามสู้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น อดทนลูกเดียว อดทนกับนิสัยและความเคยชินที่แตกต่างจากเราอดทนต่อหลายๆเรื่องที่ไม่ถูกใจเรา ที่สุดอดทนต่อการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทนจนไม่ต้องทนอีกต่อไป ซึ่งไม่ใช่เพราะเขาเป็นคนเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างที่เราต้องการ แต่เป็นเพราะเราวางใจได้ด้วยความเข้าใจว่าเขาเป็นอย่างนี้ เพราะเขาเป็นเขา เพราะเขาเป็นพ่อของลูก เป็นผู้นำครอบครัวที่ทำหน้าที่ไม่ขาดตกบกพร่อง ให้ทุกคนในบ้านมีหลักประกันที่มั่นคง
              จำได้ว่าต้องพูดเตือนอยู่บ่อยๆ และเห็นการเปลี่ยนแปลง เพราะพวกเขามีความเข้าใจเป็นพื้นที่อยู่มีสำนึกรับผิดชอบและเสียสละเห็นแก่กันและกันอยู่แม้บางครั้งก็กลายเป็นปัญหาใหญ่เพราะความไม่ยอมกันต่างใช้อารมณ์ ความรุนแรงแต่ละครั้งมีผลให้ทุกคนในครอบครัวทุกข์ร้อน ไม่สบายใจ สู้ยอมกันดีกว่า เมื่อต่างยอม อยู่ที่ว่าใครจะยอมได้ก่อน สังเกตดูในครอบครัว เพียงมีคนยอมได้หนึ่งคนปัญหาต่างๆ ก็เบาบางลงทันทีทำบ่อยเข้าพวกเขาก็ทำได้เก่งขึ้น เข้าถึงสัจจะว่า ยอมดีกว่าที่เอาเรื่องกัน
              นี่ก็ผ่านไปแล้วเกือบ 20 ปี ดูรูปการณ์ก็น่าจะคลายกังวลได้ น้องคนนี้ต้องทำให้ผู้เขียนต้องปรับทัศนคติใหม่ต้องยืนยันว่ากฎทุกกฎย่อมมีข้อยกเว้น เพราะชีวิตคู่ได้พัฒนาให้เธอมีวุฒิภาวะ รู้จักหน้าที่และความรับผิดชอบ ปรับเปลี่ยนนิสัยไม่เอาแต่ใจตัวเองมีความอดทนอดกลั้น เพื่อคนอื่นได้ โดยเริ่มจากคนในครอบครัวเป็นอันดับแรก และก้าวต่อไป ก้าวออกไปสู่คนในสังคมกว้างๆขึ้น
              ส่วนในแง่มุมของศาสนา ก็ต้องยอมรับว่า จริงๆ แล้วทุกคนในโลกต่างก็ถูกบังคับให้ปฏิบัติธรรม ไม่ว่าเราจะอยากหรือไม่อยาก จะชอบไม่ชอบก็ตาม แต่ใครที่ชอบหรือรักปฏิบัติธรรม ก็ควรเรียนรู้และศึกษาปฏิบัติตามพระธรรมคำสั่งสอนที่ถูกตรงของพระพุทธเจ้าเข้าวัดเข้าวาก่อนเลย จนเกิดปัญญาชาญฉลาด หากทำได้ก็ไม่ต้องเอาทั้งชีวิตไปเสี่ยงกับการมีชีวิตคู่ แม้ที่สุดผู้เขียนจะยอมรับว่า ทุกก้าวย่างของชีวิตคือ ขั้นตอนการพัฒนาจิตวิญญาณของคนจากปุถุชนสู่กัลยาณชน
              และสามารถก้าวเข้าสู่ความเป็นอาริยชนไดก็ตามที

ที่มา.-วารสาร "ดอกหญ้า" อันดับที่ 134 ISBN0857-7587 เรื่องของพ่อแม่ลูก โดย สุปรีดี รัตนวัต หน้า 82 ขออนุญาตนำมาลงไว้ และขอขอบคุณเจ้าของบทความไว้ ณ ที่นี้
           ขณะเดียวกัน ขอขอบคุณ คุณเปรมยุดา แสงสังข์ ผู้พิมพ์ข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์ก่อนปรับลงเว็บไซต์ ไว้ ณ ที่นี้ และขอให้ไดรับบุญกุศลในครั้งนี้ด้วย

วัดท่าไทร
สำนักงานเจ้าคณะภาค ๑๖
สำนักงานเจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ศูนย์พัฒนาคุณธรรมภาคใต้(สุราษฎร์ธานี)
สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ศูนย์ประสานงานสมาคมป้องกันภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานี