บุญทานของชีวิต
.....โดย สุวลี
......

 

          วัฎฏสงสารคือสภาพวนเวียนไม่มีจบไม่มีสิ้น เหมือนเส้นวงกลมที่ไม่มีจุดเริ่มต้นและสิ้นสุด ชีวิตก็เช่นกัน แต่ในบางกาละเราจะกำหนดลงไปบนเส้นวงกลม เป็นจุดเริ่มต้นของตัวเอง บางคนเริ่มชีวิตใหม่ในวันเกิดบางคนใช้ วันสำคัญทางศาสนา บางคนใช้ขึ้นปีใหม่ บางคนพร้อมเมื่อไหร่ก็เมื่อนั้น

          "ถ้อยคำสิริมงคล" เดินทางมายาวไกล เจตนาเป็นกัลยาณมิตร เพื่อปลุกปลอบให้กำลังใจ ให้ข้อคิด บาง ถ้อยคำอาจใกล้เคียงหรือซ้ำซ้อน แต่เนื้อหารายละเอียด มีส่วนแตกต่างกันไป เราพูดถึง "ช้าง" ตัวเดิม แต่อาจจะเปลี่ยนมุมมองใหม่ ความซ้ำซากไม่ใช่เรื่องน่าเบื่อหน่าย คนเราได้ดีเพราะความซ้ำซากมากมาย เพราะได้ทบทวนฝึกปรือ จนเกิดความเชี่ยวชาญ เพลงยอดฮิตเปิดร้องกันซ้ำแล้วซ้ำเล่า กลับชื่นชมสนุกสนาน

          วันเวลาของวัยเด็กแสนเชื่องช้า แต่วัยผู้ใหญ่นี่ซิเร็วยิ่งนัก เหลียวมองย้อนหลังกี่สิบฝนที่ผ่านมาเพียง แผล็บเดียวก็ถึงวันนี้แล้ว ยังจำฉากชีวิตสมัยเด็กๆ สมัยเป็นวัยรุ่นได้มากมาย ชีวิตนี้เหมือนพยับแดด เหมือนเกลียวคลื่นที่ปรากฏท้าทายเพียงชั่วขณะ แล้วก็มลายสูญสิ้น ความทุกข์ที่เคยบาดเจ็บ รันทด กลายเป็นความฝัน ความสุขทึ่เคยมีก็ลืมไปหมดแล้ว

          นี่แหละอนิจจังขนานแท้ในเหตุการณ์อันวิกฤต มีแต่ปล่อยให้ "เวลา"รักษาตัว รักษาบาดแผลหัวใจที่ปวด ร้าว ทุกชั่วโมง ทุกนาที ทุกวินาทีที่เข็มนาฬิกากระดิกผ่าน ไม่ใช่สิ่งไร้ค่า มันจะหล่อหลอมให้ชีวิตของเราฉลาดขึ้น แข็งแกร่งขึ้น เป็นผู้ใหญ่ขึ้นมีอะไรบ้างที่ไม่ต้องการเวลา ?

          การปลอบใจ การให้กำลังใจมีขอบเขตจำกัดรักษาโรคร้ายได้ในระดับหนึ่ง จึงมิควรประมาทหรือเฉื่อยชา ไม่ขวนขวาย "ยาขนานอื่นๆ"

          "บุญทานของชีวิต" ก็คงต้องเตือนตน สะสมกันให้มากเข้าไว้ มีมาก ๆ เพื่อเตรียมไว้เป็นยันต์กันผี เป็น เกราะป้องกันตัวรวมไปถึงการสลายพลังแห่งบาปเคราะห์ให้อ่อนลง บางคนเชื่อว่าเกิดมาเพื่อใช้หนี้กรรม แต่กลับ หลงใหลสร้างหนี้ใหม่อีกพะเรอ ชดให้อีกหลายชาติก็ยังไม่หมด พระท่านเริ่มต้นที่ "ศีล-สมาธิ-ปัญญา"

          เราฆราวาสคงต้องถอยมาที่ "ทาน-ศีล-ภาวนา" บุญคือการเสียสละ คือการให้ การให้เป็นทานบารมีของ ชีวิตที่ขี้เกียจไม่ได้ต้องสะสม ทานบารมีกระจายออกเป็น ๓ เหล่าทัพ วัตถุทาน หัดบริจาคทรัพย์สินสิ่งของ เริ่มจากเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หัดบริการ มีน้ำใจ ช่วยเหลือคนอื่น แม้ไม่ใช่หน้าที่ หัดเสียสละ ยอมให้ได้ แม้เราจะมีสิทธิ์ ค่าของคนอยู่ที่การได้รับใช้ผู้อื่น อยากมีคุณค่าจงสมัครเข้า "พรรคขี้ข้า"

          ยิ่งเป็น "ขี้ข้า" ยิ่งมี "คุณค่า" อย่ามัวติดยึดเสียสละวัตถุ ลองเสียสละแรงงานกันบ้างเริ่มตั้งแต่ในครอบครัว ขยายไปที่หน่วยงานฝึกทำบ่อยๆ สะสมมาเป็นบารมีติดตัว รู้จักเหนื่อย รู้จักแบกแทนคนอื่นเขาซะบ้าง ไหว้พระทุกครั้ง ทำบุญใส่บาตรทุกที อย่ามัวเอาแต่ขอให้ตัวเอง หัดอธิษฐานให้คนอื่นเขามีความสุขกายสุขใจกันถ้วนทั่ว

          อภัยทาน….เป็นทานที่สูงกว่าวัตถุทานหลายร้อยหลายพันเท่า น่าแปลกที่เราต่างก็ละเลยไม่ชายตามอง ฝึกไม่โกรธ ฝึกไม่เคือง ฝึกอโหสิ ไม่จองเวรใคร ใครจะเลว ใครจะบ้า ไม่ขอโกรธ ใจเราร่มเย็นเป็นพอ ความโกรธของเรายิ่งใหญ่กว่าความชั่วของเขา

          ความโกรธของฉันยิ่งใหญ่กว่าความผิดพลาดของคนอื่น เพราะฉะนั้น เราจะต้อง "จัดการ" กับอารมณ์ของ เราก่อนเพื่อน อยากจะเจริญเมตตาก็ต้องฝึกไม่โกรธ อยากจะเป็นคนมีบุญฤทธิ์ก็ต้องฝึกไม่โกรธ อยากจะไม่โกรธ ก็ต้องมีคนมาทำให้โกรธ เหตุการณ์รอบตัวแท้จริงจะทำให้เราได้สำรอกโทสะร้ายให้หลั่งไหลออกมาจนหมดบ่อทุกข์นั้น ใครทำให้ ถ้ามิใช่ตัวเราเอง

          พระพุทธองค์ตรัส โลกนี้คือกายยาววา หนาคืบ กว้างศอก มีสัญญาและใจเป็นประธาน พระเถระอัสสชิบอก แก่พระสารีบุตรว่า "ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคตทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านี้ และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น"

          มัวแต่ถือโทษโกรธคนอื่นเกิดกี่ชาติก็ไม่มีทางชนะ โลกนี้คือก็แค่ตัวเรา จัดการตัวเราง่ายกว่าจัดการโลก คนอื่น โลกใบโตใบนี้ แท้จริงก็คือ สนามทดสอบฝึกปรือ เพื่อนำตัวเราไปสู่ชัยชนะ อยากเป็นผู้ชนะ ต้องหมั่นซ้อมรบ
อย่าขี้เกียจทำโจทย์ที่เบื้องบนส่งมา ต่อให้มีเงินกองท่วมโลก ต่อให้มีสถานที่ทำบุญทุกดวงดาวในจักรวาล อานิสงส์ ก็ยังสู้การฝึกอภัยเพียงเสี้ยววินาทีไม่ได้ (ช้างกระดิกหู-งูกระดิกหาง)

          นี้แหละคือสุดยอดอภิมหาอมตะแห่งการทำบุญในระดับของคฤหัสถ์ชนที่ถูกละเลย
กองทัพที่ ๓ ธรรมทาน การมีกายสักขี ไม่ผิดศีล ก็นับเป็นตัวอย่างที่ดีต่อโลกสุดเกล้าสุดเศียร แม้สอนด้วยวจีกรรม ก็ด้วยความปรารถนาดีมิใช่อยากโชว์ อยากเด่น อยากดัง "บุญทานของชีวิต" มีให้ทำ มีให้ปฏิบัติในทุกสถานการณ์

          อย่าเบื่ออุปสรรค เพราะแท้ที่จริง อุปสรรคทำให้เราใกล้สวรรค์ ใกล้ความสำเร็จต่างหาก "อุปสรรค"
แท้ที่จริงแล้วคือ "บารมี" ถ้าเราคิดสู้โดยการตั้งใจศึกษาจิตใจ อารมณ์ขณะเกิด แต่จะเป็น "วิบาก" ไปทันทีเมื่อเราเหนื่อยหน่าย

          สวรรค์หรือนรกนั้น เราเป็นผู้ลิขิตขนานแท้แต่ผู้เดียวในจักรวาล การเดินทางของชีวิต บางดวงดาวมีแต่ สร้างความเดือดร้อนตลอดเส้นทาง เพราะสันดานขี้โลภสร้างความน้อยเนื้อต่ำใจให้แก่คนรอบข้างด้วยไม่แคร์ความรู้สึก สร้างแต่เสียงสาปแช่งบ่นด่า เพราะสันดานเอาแต่ใจตัว ดวงดาวบนฟากฟ้า ดาวฤกษ์ก็มาก ดาวอัปรีย์ก็เยอะ แต่ก็ต้องผ่านมาทับเส้นทางกันและกัน จะเป็นดาวดวงไหน เรานี่แหละ "ผู้ลิขิต" ไม่มีมารก็ไม่มีพระ ไม่มีปีศาจก็ไม่มีสัตบุรุษ ดอกบัวบานกลางโคลนตม ฉันใด, มนุษย์เราก็ฉันนั้นเหมือน

          "ทานบารมี" ก็ฝึกกันไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ "ศีลบารมี" ขอแค่ระดับศีลห้า อย่าให้ขาด ศีลเป็นเครื่องมือที่จะยับยั้งการเบียดเบียนผู้อื่นได้อย่างชะงัด เดินทางบนศีลห้า ตรวจตนอย่าละเมิดในกายในวจี และแม้ในใจให้ได้เป็นที่สุดถือศีลได้บรรลุเป้า จะต้องเข้าใจเจตนาของศีลแต่ละข้อ ไม่ต้องให้ใครสอน ลองทบทวนทีละข้อ เราก็จะประจักษ์แจ้งจัด การรักษา "เบญจศีล" ควบคู่ไปกับ "เบญจธรรม" จะได้ครบพร้อม ๆ กัน

          ศีลคือข้อที่เราตั้งใจงดเว้น ธรรมเป็นข้อปฎิบัติ พยายามฝึกเดินไปด้วยกันไห้ได้ "ภาวนา" จะลองขั้นพื้นฐานฝึกปรือลมหายใจรู้เข้า-รู้ออก ก็น่าจะดี ยามว่างลำเลียงลมหายใจเข้าไปอย่างมีสติหัดหายใจยาว ๆ ช้า ๆ ในช่วงที่มีโอกาสในแต่ละวัน ขึ้นรถ ลงเรือ ทำอะไรต่ออะไรสารพัดก็ฝึกได้ อยากจะฝึกให้มากกว่านี้

          คงจะต้องหาเวลาในแต่ละวัน นั่งสมาธิให้เป็นกิจจะลักษณะ จะใช้อะไร เป็นกสิณ ก็สุดแต่ความถนัด ใครทยังี่ไม่เคยทำ ลองฝึก รู้เข้า-รู้ออก จับเข้า-ออกได้เก่ง ก็เพิ่มฐานมารู้ ๓ ระดับ คือ สั้น-กลาง-ยาว ระดับกลาง เราจะสร้างเกณฑ์เองเข้าหรือออกนับในใจ แค่ ๑ ถึง ๓ เลย ๓ เรียก "ยาว"ต่ำกว่า ๓ เรียก "สั้น" พอดี ๓ เรียก "กลาง" เราจะมีความสุขอยู่กับลมหายใจทำสมาธิ เป็นเรื่องทำไม่ยาก ที่ทำไม่สำเร็จเพราะขาดความตั้งใจ ฝึกทำวันละ ๒๐-๓๐ นาที ติดต่อกันสัก ๑ เดือนก็เห็นผล ข้อสำคัญ ฝึกเพื่อสงบ มิใช่ฝึกเพื่อจะเห็นภาพแปลกๆ (นิมิต) อย่าผิดฝาผิดตัว

          "บุญทานของชีวิต" เป็นสิ่งที่ต้องสะสมศรัทธาในหลักกรรม เชื่อมั่นในกฎแห่งกรรม ปฏิบัติทาน-ศีล-ภาวนา มีศีลประจำตน มีน้ำใจอยู่เสมอ เป็นผู้เสียสละได้ก่อน และฝึกอโหสิตลอดเวลาชีวิตนี้ก็จะเป็นของเราจริง ๆ ในหลากหลายลัทธินิกายที่แพร่หลายในแดนสยาม ที่ค่อนข้างประทับใจกัน ก็มักจะเป็นคำสอนที่แทรกวิธีการรักษาโรค แต่ทุกค่ายสำนักมีหลักธรรมที่เหมือนกันอยู่ข้อหนึ่งก็คือ ทำความดีให้มาก มีชีวิตบริการคนอื่นให้มาก และนี่ก็คือสมุทัยของทุกปัญหา เราคงไม่รอเจ็บป่วยเพื่อรักษา แต่เราจะต้องสะสมความดีใส่ตัวให้มากเข้าไว้ ละชั่ว ประพฤติดี ทำจิตใจให้แจ่มใส

          คงเป็นข้อสรุปก่อนจากของถ้อยคำสิริมงคลฉบับนี้ แต่คงจะไม่จบสมบูรณ์ ถ้าหากเราละเลยอาหารกาย นั่นคือ การออกกำลังกายให้สม่ำเสมอและกินอาหารพืชผักให้มาก เวลากินข้าวสวย ก็ขอให้เลือกข้าวกล้อง อาหารปฐมภูมิ (ยังไม่แปรรูป) ย่อมดีกว่าอาหารทุติย-ตติยภูมิ (แปรรูปแล้ว) มีเหงื่อให้มากเหมือนจับกัง กินอาหารให้น้อย เหมือนชาวนา ปีใหม่ ชีวิตใหม่ ให้อะไรดีๆ แก่ชีวิตการฝึกฝน ฝึกปฏิบัติตน จะทำให้เรามีพลังจิตทึ่แข็งแกร่ง มีพลังชีวิตที่แจ่มใส ปีเสือผ่านไป ปีกระต่ายมาแล้ว

          ลองมาตั้งใจปรับวิถีชีวิตกันใหม่ อย่าทำให้ตัวเองเดือดร้อน เพราะเหตุละเมิดศีล หลงอบายมุข อย่าดำรง ชีวิตบนเลือดเนื้อของเพื่อนร่วมทุกข์ อย่าหวาดกลัวโชคชะตา เพราะกฎแห่งกรรมมีจริง อย่าหลงใหลต่ออำนาจภายนอกที่ฝ่านการปรุงแต่งจากสมองของมนุษย์ ทฤษฎีแห่งพลัง มีปรมาจารย์มาก มายบัญญัติ อยากจะเชื่อ อยากจะศรัทธา ไม่ใช่เรื่องใหญ่ แต่ควรฝึกสะสมความดีสม่ำเสมอ ทานบารมี ๓ เหล่าทัพ ศึกษาให้แจ่มชัด และลงมือปฏิบัติไปด้วยกัน อย่าหวาดกลัวต่ออำนาจลี้ลับพิสดารพันลึก

          มะโนปุพพังคะมา ธัมมา มะโนเสฎฐา มะโนมะยา ชีวิตวิญญาณเป็นประธานของสิ่งทั้งปวง อุปาทานของจิต สร้างสิ่งเหลือเชื่อได้เกินกว่าที่คิด อย่ามัวพะวง เราพบอำนาจจากภายนอก "ตัวเราเอง" ก็ต้องเคารพ นับถือให้เกียรติ ทุกชีวิต มีความยิ่งใหญ่ของตัวเอง เคยมองกันบ้างไหม ?

          สังคมไทยเดินทางอยู่บนพื้นฐานของศรัทธา มากกว่าปัญญา กระบวนการเรียนรู้จึงมักด่วนสรุปอย่างมักง่าย รีบเชื่อถือ เชื่อใว้ก่อน เพราะไม่ชัดเจน จึงพร้อมที่จะต้มยำความเชื่อทุกเรื่องมาไว้ในชามเดียวกัน "เรียกว่าต้มยำรวมมิตร" แล้วก็ภูมิใจ นึกว่าตัวเองเก่ง ฉลาด ปลอดภัย

          ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว กฎแห่งกรรมเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของชีวิต มีกรอบ มีกติกา ไม่มีข้อยกเว้น ศึกษา "รูปธรรม" แห่งความดี ความดีมีอีกหลายระดับ เกรดซี เกรดบี เกรดเอ รู้แล้ว จะได้ไม่หลงลำพอง ประมาท โอหนอ ! ความดีที่ฉันทำ ที่แท้ก็แค่เกรด C ฉุกใจได้คิด จะได้ตื่นตัวพัฒนา เอาความดี เกรดอื่น ๆ มาทำบ้าง
                    ทฤษฎีชีวิตมีมากมายมหาศาล
                    พลังนอกตัวมีมากมาย หลายนักปราชญ์
                    พลังในตัวกลับละเลยไม่ศึกษา
                    เอาเถอะ….จะเชื่อใครดีก็ไม่แน่ใจ
                    ทำความดีไว้ก่อน….ปลอดภัยที่สุด


ที่มา : ดอกหญ้า อันดับที่ ๘๐ หน้า ๓๑-๓๘ คอลัมน์"ถ้อยคำสิริมงคล"

วัดท่าไทร
สำนักงานเจ้าคณะภาค ๑๖
สำนักงานเจ้าคณะจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ศูนย์พัฒนาคุณธรรมภาคใต้(สุราษฎร์ธานี)
สำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดสุราษฎร์ธานี
ศูนย์ประสานงานสมาคมป้องกันภัยจังหวัดสุราษฎร์ธานี