ศาสนา
เกิดจากความกลัวและความต้องการของมนุษย์ เช่น กลัวภัยธรรมชาติ กลัวการลงโทษจากผู้มีอำนาจเหนือตน
เป็นต้น ศาสนาพุทธก็เช่นเดียวกัน เกิดจากกลัวความแก่ ความเจ็บ ความตาย
และต้องการหลุดพ้นจากทุกข์ทั้งปวง
เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะมีพระชนมายุ ๒๙ พรรษา พระองค์เสด็จออกไปประพาสอุทยาน
ขณะที่กำลังเพลิดเพลินอยู่นั้น พระองค์ได้พบกับสิ่งอัศจรรย์ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนในชีวิตคือ
คนแก่ คนเจ็บ และคนตาย พระองค์ดำริว่า "อีกไม่นานเราเองก็ต้องแก่ต้องเจ็บต้องตายเหมือนกับมนุษย์ทุกคน
ทำอย่างไรหนอ เราจะรอดพ้นจากสิ่งเหล่านี้ได้? เมื่อมีร้อนก็มีหนาวแก้
เมื่อมีมืดก็มีสว่างแก้ เมื่อมีความแก่ความเจ็บ และความตาย ก็ต้องมีวิธีแก้
อย่างแน่นอน" จากนั้น พระองค์จึงตัดสินพระทัยทิ้งราชสมบัติออกจากพระราชวังไปอยู่กลางป่า
(จากพระคัมภีร์ เล่มที่ ๑๐ ข้อ ๑-๑๐)
พระพุทธเจ้าตรัสรู้อะไร?
พระพุทธองค์ทรงค้นพบกฎธรรมชาติว่า
สรรพสัตว์ต้องเวียนว่ายตายเกิดอยู่ในภพทั้ง ๕ ไม่มีที่สิ้นสุด สัตว์ที่ไม่เคยเกิดเป็นพ่อแม่กันมาก่อนหาได้ยาก
บางชาติเกิดเป็นเทวดา บางชาติเกิดเป็นมนุษย์ บางชาติเกิดเป็นสัตว์เดรัจฉาน
บางชาติเกิดเป็นเปรต บางชาติเกิดเป็นสัตว์นรก ตามอำนาจบุญและบาปที่ตนเองได้ทำไว้เหตุการณ์ทุกอย่าง
ที่เราประสบอยู่ทุกวันนี้ ไม่มีคำว่าโชคและบังเอิญ เป็นผลมาจากการกระทำของเราในอดีตทั้งสิ้น
(พระคัมภีร์ เล่มที่ ๑๙ ข้อ ๑๐๒๐)
เมื่อเราเกิดมาสิ่งที่ตามมาด้วยคือ
ความแก่ ความเจ็บ ความตาย และความทุกข์กายทุกข์ใจ ฉะนั้น วิธีที่จะรอดพ้นจากความแก่ความเจ็บ
ความตาย และความทุกข์ทั้งปวงมีเพียงวิธีเดียวคือ "ไม่เกิดอีก"
เพราะถ้าเราไม่เกิดมาเสียอย่างเดียว เราก็ไม่ต้องแก่ไม่ต้องเจ็บและไม่ต้องตายอีกต่อไป
พระพุทธศาสนาอุบัติขึ้นเพื่ออะไร?
เพื่อตัดกระแสธรรมชาติให้ขาดสะบั้น
คือกำจัดการเกิดใหม่ สิ่งที่ทำให้สรรพสัตว์ต้องเกิดอีกไม่มีที่สิ้นสุด
คือ ความต้องการของสรรพสัตว์เองหรือที่เรียกว่า "กิเลสตัณหา"
ถ้ามนุษย์สามารถกำจัดกิเลสตัณหาในดวงจิตให้หมดไปได้ เขาจะไม่ต้องเกิดใหม่อีกต่อไป
(พระคัมภีร์เล่มที่ ๑๕ ข้อที่ ๕๕)
เปรียบเหมือนกับเมล็ดพันธุ์มะม่วงที่มียางเหนียวอยู่ภายใน
ถ้าเรานำไปปลูกจะงออกเป็นต้นมะม่วงได้อีก แต่ถ้าเรานำไปต้มกำจัดยาเหนียวที่อยู่ภายในให้หมดไป
หลังจากนั้นจะนำไปปลูกโดยวิธีใดก็ตาม "ต้นมะม่วงจะไม่งอกอีกแล้ว"
กิเลสตัณหาในใจมนุษย์ก็เช่นเดียวกัน ถ้าเรากำจัดให้หมดไปได้ก็ไม่มีเชื้อจะให้เกิดใหม่อีกต่อไป
"กรรมฐาน คือวิธีกำจัดกิเลสตัณหา" ถ้ามนุษย์ไม่เกิดมาเสียอย่างเดียวความทุกข์ทั้งปวงก็จะไม่มี
***********************
อ้างอิง..พระคัมภีร์ไตรปิฎก
(ฉบับมหาจุฬาฯ)
-เล่มที่ ๒๐ หน้า ๓๐ -เล่มที่ ๑๖ หน้า ๓๗ -เล่มที่ ๑๗ หน้า ๒๐๖ -เล่มที่
๑๑ หน้า ๑๕๔
-เล่มที่ ๒๔ หน้า ๑๔๔ -เล่มที่ ๑๖ หน้า ๑๐ -เล่มที่ ๑๕ หน้า ๒๒๓ -เล่มที่
๒๔ หน้า ๑๖๙
|