สัญญาณบอกเหตุ ของคลื่นยักษ์ ซูนามิ (Tsunami)

 

เหนือท้องทะเลสีครามของมหาสมุทรแปซิฟิคที่เงียบสงบ เรือเดินสมุทรกำลังมุ่งหน้าไปยังฮาวายอากาศที่อบอุ่น และแสงแดดที่สาดส่องของฮอนโนลูลู ที่อยู่ห่างไกลนับพันไมล์จากอลาสก้าดินแดนที่หนาวเย็น และเต็มไปด้วยหิมะ

ช่วงเวลาอาหารเช้าของหลายๆ คนในฮอนโนลูลู และบริเวณท่าเรือของอลาสก้าผู้ใหญ่กำลังเตรียมตัวไปทำงาน ส่วนเด็กๆ ก็กำลังเตรียมตัวไปโรงเรียน

อย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัวมาก่อน แผ่นดินไหวอย่างรุนแรงได้โจมตีชายฝั่งของอลาสก้าและลึกลงไปใต้ท้องทะเล ชั้นแผ่นดินก้นมหาสมุทรเคลื่อนที่ขึ้นและลงท้องมหาสมุทรเกิดความปั่นป่วน อย่างบ้าคลั่ง

บนพื้นแผ่นดินอลาสก้า กำแพงและพื้นบ้านเริ่มต้นสั่นสะเทือน เก้าอี้ล้มคว่ำ โต๊ะเลื่อนไปมา จาน-ชามหล่นลงมาแตก เกลื่อนกลาดอยู่บน

มันคือแผ่นดินไหว ซึ่งทุกๆ คนรู้อยู่แล้วว่า ควรทำอย่างไร? พวกเขาไม่วิ่งออกไปข้างนอก แต่พวกเขาเข้าซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะ หรือวงกบ (ขอบ) ประตู

แผ่นดินไหวส่งคลื่นความสั่นสะเทือนออกไปรอบๆ ทุกทิศทาง ผิวหน้าทะเลเกิดความปั่นป่วน คลื่นขนาดยักษ์ก่อตัวขึ้น และคลื่นขนาดยักษ์ที่ทรงพลังนี้ก็คือ “ซูนามิ” นั่นเอง พวกมันจะเคลื่อนตัวข้ามผ่านท้องทะเลได้อย่างรวดเร็ว พวกมันเป็นอันตราย และสามารถคร่าชีวิตได้

เมื่อแผ่นดินไหวสงบลง ผู้คนที่อาศัยอยู่ริมทะเลไม่คิดที่จะเก็บกวาด ทำความสะอาด พวกเขารีบเดินทางเข้าหาผืนแผ่นดิน เพื่อให้ไกลจากทะเลมามากที่สุดเพราะพวกเขารู้ดีว่า แผ่นดินไหวได้ปลดปล่อย คลื่นยักษ์ซูนามิศูนย์เตือนภัยคลื่นยักษ์ซูนามิแห่งอลาสก้าได้ออกประกาศเตือนเสียงไซเรนโหยหวนเพื่อเตือนผู้คนให้ทราบว่าคลื่นซูนามิกำลังจะมาถึงพวกเขาเหลือเวลาไม่มากที่จะมุ่งหน้าไปสู่พื้นที่ปลอดภัย นั่นก์คือ ไกลจากทะเลให้มากที่สุด และก็รอคอยซูนามิที่กำลังใกล้เข้า

ระลอกคลื่นของซูนามิเริ่มซัดสาดเข้าหาฝั่ง แม้คลื่นสองถึงสามลูกแรกจะไม่ใหญ่นักแต่คลื่นลูกที่สี่นั้น เรียกได้ว่า มหึมาดั่งสัตว์ประหลาดยักษ์แห่งท้องทะเล พวกมันได้ทำลายอาคาร บ้านเรือนให้พังพินาศพวกมันฉีกต้นไม้ให้ขาด รวมถึงเสาโทรศัพท์ เสาไฟฟ้า และทางรถไฟ

มันกระหน่ำซัดรถบรรทุก รถจักร และรถตู้เหมือนๆ กับที่มันกวาดทำลายพื้นที่ (บนบก) กินระยะเข้ามามากกว่าครึ่งไมล์

คลื่นซูนามิยังคงโหมซัดเข้ามา แต่ลูกคลื่นเริ่มเล็กลง และมีอันตรา น้อยลงเรื่อยๆแม้ว่ามันจะเป็นต้นเหตุของความเสียหายอย่างใหญ่หลวง แต่ก็ไม่มีผู้ใดเสียชีวิต

ในฮอนโนลูลู หลังจากทานอาหารเช้ากันเป็นที่เรียบร้อย เด็กและผู้ใหญ่ต่างพากันออกจากบ้านโดยที่ยังไม่มีใครได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับ แผ่นดินไหว หรือซูนามิ ในอลาสก้ากันเลยแม้แต่น้อย

แต่ บรรดานักวิทยาศาสตร์ที่ศูนย์เตือนภัยคลื่นซูนามิเขตแปซิฟิค ใกล้กับฮอนโนลูลู ได้รับทราบเกี่ยวกับแผ่นดินไหวแล้ว และภายในศูนย์ฯ มีเครื่องวัดแผ่นดินไหวหลายเครื่องที่ได้บันทึกข้อมูลเกี่ยวกับแผ่นดินไหวในมหาสมุทรแปซิฟิคเครื่องวัดแผ่นดินไหวได้แสดงให้นักวิทยาศาสตร์เห็นว่า มีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นบริเวณใดของอลาสก้า และมีความรุนแรงเพียงใด

นักวิทยาศาสตร์ในศูนย์ฯ ทำงานกันตลอดทั้งคืน และทั้งวัน เต็มระยะเวลาทำงานโดยที่บางคนจะต้องเฝ้าดูเครื่องวัดแผ่นดินไหวอยู่ตลอดเวลานักวิทยาศาสตร์ได้ส่งข้อความไปถึงศูนย์เตือนภัยคลื่นซูนามิอื่นๆ ในหลายๆ ประเทศโดยรอบมหาสมุทรแปซิฟิค อย่างรีบด่วนพวกเขาแจ้งไปว่า แผ่นดินไหวในอลาสก้ามีความรุนแรงมากพอที่จะก่อให้เกิดคลื่นซูนามิได้อีก ซึ่งขณะนี้ ความสั่นสะเทือนได้กระจายข้ามผ่านมหาสมุทรแปซิฟิคไปในทุกๆ ทิศทางแล้ว

ทางนักวิทยาศาสตร์ประจำศูนย์เตือนภัยคลื่นซูนามิเขตแปซิฟิค ได้แจ้งมาเกี่ยวกับการจับตาดูการก่อตัวของคลื่นซูนามิ และทางศูนย์ป้องกันภัยพลเมืองในฮาวายก็ได้เตรียมการรับมือไว้แล้ว โดยสถานีวิทยุ และโทรทัศน์ทุกสถานี ก็ได้กระจายข่าวเกี่ยวกับคลื่นซูนามิแล้ว”

ขณะนี้ ทุกคนในฮาวายได้รับทราบถึงการเกิดแผ่นดินไหวและคลื่นยักษ์ซูนามิในอลาสก้าแล้วโดยที่ทุกคนได้รับการแจ้งเตือนว่า คลื่นซูนามิอาจจะเดินทางข้ามผ่านมหาสมุทรแปซิฟิคมาถึงในไม่ช้านี้

ท่ามกลางการเฝ้าติดตามดูคลื่นซูนามิ เหล่านักวิทยาศาสตร์ประจำศูนย์ฯ (แปซิฟิค) ได้รับการติดต่อจากนักวิทยาศาสตร์จากทั่วเขตแปซิฟิค เพื่อขอคำยืนยันว่าจะมีคลื่นซูนามิเกิดขึ้นอีกแน่ๆ

พวกเขาพูดคุยกันผ่านโทรศัพท์ พวกเขาส่งข้อความถึงกันผ่านสัญญาณดาวเทียม

พวกเขาสอบถามถึงข้อมูลเกี่ยวกับคลื่นน้ำ พวกเขาต้องการทราบว่า ระดับน้ำเพิ่มขึ้นหรือลดลงพวกเขาต้องการทราบ ถ้าหากมีคลื่นซูนามิเกิดขึ้นในพื้นที่ใกล้กับ รัฐวอชิงตัน หรือ เมืองแคลิฟอร์

“ประกาศแจ้งเตือนภัยคลื่นซูนามิ” “ประกาศแจ้งเตือนภัยคลื่นซูนามิ”

และในขณะนี้ เหล่านักวิทยาศาสตร์มีข้อมูลที่มากเพียงพอ พวกเขารู้ว่า คลื่นซูนามิกำลังเคลื่อนตัวข้ามผ่านมหาสมุทรแปซิฟิคเข้ามา พวกเขาจะต้องเตือนทุกๆ คนพวกเขาจึงออกประกาศ เตือนภัยคลื่นยักษ์ซูนามิ

คลื่นซูนามิที่ถล่มทำลายอลาสก้านั้นเป็นแบบท้องถิ่น (ในพื้นที่) เพราะว่าเกิดในพื้นที่เดียวกับแผ่นดินไหว และหลังจากการสั่นสะเทือนของผืนแผ่นดินเพียงไม่นานแต่คลื่นซูนามิที่เคลื่อนตัวข้ามมหาสมุทรมาจากอลาสก้า ถือว่าเป็นแบบระยะไกล มันต้องเดินทางเป็นระยะไกลมากก่อนที่จะไปถึงฮาวายซึ่งคลื่นซูนามิแบบในพื้นที่นั้น ไม่ให้เวลากับผู้คนมากนักในการหาพื้นที่ปลอดภัย แต่คลื่นซูนามิแบบระยะไกล ได้ให้เวลาอย่างมากมายกับผู้คนในฮาวายเพื่อหาที่หลบ

คลื่นซูนามิบนเส้นทางไปสู่ฮาวายได้ทำให้เกิดระลอกคลื่นระยะไกลอย่างต่อเนื่องคลื่นซูนามิลูกหนึ่งสามารถมีระยะไกลถึงหลายพันไมล์ได้เลยทีเดียว ลูกคลื่นหนึ่งอาจอยู่ห่างจากลูกคลื่นถัดไปไกลถึงหนึ่งร้อยไมล์ โดยความเร็วของซูนามินั้น ขึ้นอยู่กับความลึกของระดับน้ำในพื้นที่ที่มหาสมุทรมีความลึกมากๆ ระลอกคลื่นสามารถเคลื่อนที่ได้เร็วพอๆ กับเครื่องบินไอพ่นที่ความเร็วมากกว่า 600 ไมล์ต่อชั่วโมง

“คลื่นซูนามิ”

คลื่นซูนามิไม่เป็นที่รู้สึก หรือเห็นได้โดยเรือในท้องทะเล กัปตันเรือเดินสมุทรได้ยินข่าวเกี่ยวกับซูนามิจากวิทยุของเขา แต่ไม่มีใครบนเรือที่รู้สึกถึงระลอกคลื่นที่เคลื่อนตัวผ่านใต้ท้องเรือไปได้เลย และคลื่นซูนามิก็ไม่เป็นที่สังเกตเห็นได้จากเครื่องบินในอากาศ ระลอกคลื่นของซูนามิในมหาสมุทรไม่ได้สูงมากนัก บางครั้งมันอาจจะสูงเพียงแค่ไม่กี่นิ้วจากผิวน้ำทะเลเท่านั้นเอง ลึกลงไปใต้ผืนมหาสมุทร ณ ที่แห่งใดแห่งหนึ่งไกลจากผืนแผ่นดิน คลื่นซูนามิที่กำลังรีบเร่งเคลื่อนตัวเข้าหาฮาวายนั้น ไม่ได้มีอันตรายใดๆ เลย

แต่เมื่อคลื่นซูนามิเข้าปะทะชายฝั่ง มันกลับทวีความเป็นอันตรายขึ้นมาอย่างยิ่งยวด ความเร็วของคลื่นลดลงเมื่ออยู่ในน้ำตื้น ในระดับน้ำที่ลึก 60 ฟุต คลื่นซูนามิเคลื่อนตัวด้วยความเร็ว 30 ไมล์ต่อชั่วโมง ซึ่งเป็นความเร็วของรถที่ช้ามาก แต่ปัญหานั้นมีอยู่ว่า แม้คลื่นลูกแรกเคลื่อนตัวช้าลงเมื่อเจอกับน้ำตื้น คลื่นลูกที่สองที่อยู่ห่างออกไป 100 ไมล์นั้นกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วมากกว่า ผลก็คือ ระยะห่างระหว่างลูกคลื่นไม่ได้เหลือถึง 100 ไมล์อีกแล้ว มันแคบลงกว่านั้นเยอะมาก

ลูกคลื่นทั้งสองรวมตัวกันเป็นหนึ่งเดียว และแรงบีบอัดเข้ารวมตัวกันนั้นก็ทำให้ลูกคลื่นสูงขึ้นและนี่คือสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า คลื่นซูนามินั้นมีอันตรายเพียงใด จากคลื่นลูกเล็กๆ ที่สูงเพียง 12 นิ้วฟุตเหนือพื้นที่ที่มหาสมุทรมีความลึกจะกลับกลายเป็นปีศาจคลื่นน้ำที่สูงถึง 100 ฟุต เมื่อเข้ากวาดชายฝั่ง

นักวิทยาศาสตร์แห่งศูนย์เตือนภัยฯ (เขตแปซิฟิค) สามารถคำนวนออกมาได้ว่า คลื่นลูกแรกของซูนามิจะเข้าปะทะชายฝั่งเมื่อใด? ซึ่งก็ได้แก่ เวลาเที่ยงวัน เพียง 5 ชั่วโมงหลังจากเริ่มเกิดแผ่นดินไหวที่อลาสก้า
แม้พวกเขาจะบอกได้ว่า คลื่นซูนามิจะมาถึงเมื่อไหร่ ถ้าหากเป็นคลื่นซูนามิแบบระยะไกลแต่พวกเขากลับไม่สามารถบอกได้แม้แต่น้อย ว่าคลื่นนั้นจะใหญ่ยักษ์เพียงใด?

... มันอาจจะเล็กน้อย หรืออาจจะมหึมาเลยก็เป็นได้
... มันอาจจะไร้ซึ่งพิษสง หรือมันอาจจะเป็นมหันตภัยร้าย


แต่อย่างไรก็ตาม ประชาชนก็ต้องเตรียมตัวรับสถานการณ์ที่เลวร้าย และภาวนาให้เกิดสวัสดิภาพ เวลา 9 นาฬิกาเช้า (3 ชั่วโมงก่อนซูนามิจะมาถึง) ศูนย์ป้องกันภัยพลเมืองได้เปิดสัญญาณไซเรนทั่วฮาวายเป็นระยะเวลา 3 นาที ประชาชนทุกคนบนหมู่เกาะเปิดโทรทัศน์และวิทยุ เพื่อรับฟังข่าวล่าสุด และเรียนรู้ว่าจะต้องทำอะไรต่อไป

“คลื่นยักซูนามิ”

ชายหาดและพื้นที่ราบต่ำริมชายฝั่งถูกกำหนดให้กลายเป็นพื้นที่อุทกภัย เพราะว่านี่คือพื้นที่ที่อาจจะถูกคลื่นซูนามิซัดกระหน่ำและก่อให้เกิดความเสียหาย เหล่านักว่ายน้ำและผู้ที่มาพักผ่อนเริ่มเคลื่อนย้ายออกจากชายหาด ผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่อุทกภัยจำต้องอพยพ ซึ่งหมายถึงพวกเขาต้องละทิ้งบ้านของตนเอง พวกเขาปิดการจ่ายน้ำ ไฟฟ้า และก๊าซ ที่หัวจ่ายหลักพนักงานโรงแรมให้ความช่วยเหลือแขกที่เข้าพักในการอพยพออกจากห้องพัก ส่วนผู้คนในร้านค้าและสำนักงานต่างๆ ในพื้นที่อุทกภัยก็ต้องอพยพออกจากอาคารด้วยเช่นกัน

บางโรงเรียนก็ตกอยู่ในพื้นที่อุทกภัย คุณครูต้องอพยพนักเรียนไปยังโรงเรียนอื่นๆ ที่อยู่ภายนอกพื้นที่อันตราย ด้วยรถโดยสาร พวกคุณครูจะให้การดูแลเด็กๆ จนกระทั่งคลื่นซูนามิสลายตัว จากนั้น ผู้ปกครองก็จะมารับตัวบุตรหลานของตนเองกลับไป

ประชาชนเคลื่อนย้ายจากพื้นที่อุทกภัยไปยังพื้นที่ปลอดภัย หรือสถานที่หลบภัยโรงเรียนต่างๆ ที่อยู่นอกพื้นที่อุทกภัยถูกใช้เป็นสถานที่หลบภัย ทุกๆ คนสามารถไปที่นั่นเพื่อเฝ้ารอคอยอาคารบางแห่งก็มีความแข็งแรง มันอาจจะถูกก่อสร้างด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก และเหล็กกล้าผู้คนอาจจะไม่มีความจำเป็นต้องย้ายออกจากอาคารเหล่านี้ แต่ว่า พวกเขาจะต้องงดการอยู่ในพื้นที่ชั้นที่หนึ่งและชั้นที่สอง พวกเขาจะต้องอยู่ในพื้นที่ชั้นที่สาม หรือสูงกว่า

เรือเดินสมุทรไม่สามารถเข้าเทียบท่าที่ชายฝั่งของฮอนโนลูลูได้ พวกเขาจะต้องลอยลำอยู่ในมหาสมุทรจนกว่าจะปลอดภัย ยามชายฝั่งและเจ้าของเรือจะนำเอาเรือออกไปสู่ท้องทะเล บริเวณที่พวกเขาจะไม่ได้รับอันตรายใดๆ จากระลอก

ณ เวลา 10 นาฬิกาเช้า คลื่นซูนามิจะเข้าปะทะในอีก 2 ชั่วโมง สัญญาณไซเรนดังขึ้นอีกครั้งเพื่อเป็นการเตือน ผู้คนกำลังรีบเร่งเดินทางออกจากพื้นที่อุทกภัย บางคนขี่จักรยาน หรือจักรยานยนต์, บางคนขับรถยนต์ หรือรถบรรทุก ทุกๆ คนให้การช่วยเหลือคนอื่นๆ ในการหนีอันตรายไปสู่พื้นที่ปลอดภัย รถประจำทางยกเลิกเที่ยวเส้นทางประจำ

และปฏิบัติตนเป็นรถโดยสารสำหรับขนย้ายผู้คนที่โบกเรียก ระหว่างพื้นที่อันตรายกับสถานที่หลบภัย โดยไม่เก็บค่าโดยสาร
ตำรวจ และนักดับเพลิง และหน่วยป้องกันภัยพลเมือง ต่างมีภาระที่หนักหน่วง ในการอพยพผู้คนออกจากพื้นที่อุทกภัยต่างๆ การจราจรบนท้องถนนนั้นคับคั่งเป็นอย่างมาก


และเวลา 11 นาฬิกาเช้า สัญญาณไซเรนก็ดังขึ้นอีกครั้ง เหลือเวลาเพียงชั่วโมงเดียวในการหนี ก่อนที่คลื่นซูนามิจะโหมเข้ามาถึง ตำรวจกำลังวุ่นวายอยู่กับการตรวจสอบว่า ทุกๆ คนถูกอพยพออกไปแล้ว พวกเขาต้องแน่ใจว่า จะไม่มีใครถูกทิ้งไว้ข้างหลัง ในพื้นที่อุทกภัย

แล้วจากนั้น พวกเขาจะทำการปิดล้อมถนนต่างๆ เพื่อให้มั่นใจเพิ่มขึ้น ด้วยว่าจะไม่มีใครย้อนกลับเข้ามายังพื้นที่อันตรายเหล่านี้ได้อีก และเวลา 11.30 น. สัญญาณไซเรนก็ดังขึ้นเป็นครั้งสุดท้าย ถึงตอนนี้ พวกเขาไม่ต้องทำอะไรอีกแล้ว นอกจากเฝ้ารอคอย

เพียงไม่กี่นาทีต่อมา สิ่งที่แปลกประหลาดพลันบังเกิดขึ้น ณ ชายหาดหลายๆ แห่งในหลายๆ แห่ง ระดับน้ำค่อยๆ เพิ่มสูงขึ้นในขณะที่อีกหลายๆ แห่งนั้น ระดับน้ำเคลื่อนถอยออกจากชายฝั่ง และทิ้งไว้เพียงบรรดาปลาที่สะบัดตัวอยู่บนชายหาดที่แห้งเหือด

การเพิ่มขึ้นหรือการลดถอยลงของระดับน้ำ คือสัญญาณบ่งบอกถึงการมาของคลื่นยักษ์ซูนามิกำลังจะมาถึงในเร็วๆ นี้อย่างแน่นอน และ ณ เวลาเที่ยงวัน คลื่นซูนามิลูกแรกก็ม้วนตัวเข้ามา หลายๆ พื้นที่รอบๆ เกาะฮาวาย มีแนวปะการังซึ่งสามารถช่วยหยุด/ลดแรงปะทะของคลื่นซูนามิได้เป็นอย่างดี

แต่ที่บริเวณเวิ้งอ่าวหลายๆ แห่ง ลูกคลื่นสามารถจะมีขนาดใหญ่มาก เนื่องจากแนวชายฝั่งด้านข้างของเวิ้งอ่าวจะลดทอนความยาวของคลื่นให้สั้นลง พร้อมกับบีบให้ลูกคลื่นดันตัวสูงขึ้น

มีลูกคลื่นถึง 6 ลูกในคลื่นซูนามิครั้งนี้ ซึ่งจะมาถึงในแต่ละชั่วโมง ของ 6 ชั่วโมงถัดไป

ผู้คนต้องเฝ้ารอคอยอย่างยาวนาน บางคนอาจจะเฝ้ารออยู่ในสถานที่หลบภัย ในขณะที่บางคนก็อยู่กับญาติมิตร

บางคนเลือกที่จะไปปิคนิคบนทิวเขา พวกเขากินและดื่ม, ละเล่นเกมส์ต่างๆ, อ่านหนังสือ, ดูโทรทัศน์ หรือฟังวิทยุ

แต่พวกเขาก็ยังคงกระวนกระวายใจ เฝ้าคอยให้หน่วยป้องกันภัยพลเรือนออกประกาศสัญญาณว่า “ทุกอย่างสงบเรียบร้อยดีแล้ว”

ภายหลังจากสัญญาณแจ้งความสงบเรียบร้อยถูกประกาศออกไป อันตรายจากคลื่นซูนามิก็จบสิ้นลงถึงตอนนี้ ทุกๆ คนก็สามารถกลับเข้าสู่บ้านเรือน หรือสำนักงานของตนได้แล้ว คลื่นซูนามิได้ก่อให้เกิดความเสียหายต่ออาคารบ้านเรือนตลอดแนวชายฝั่ง มันได้ทำลายเรือที่ไม่ได้แล่นออกสู่ท้องทะเล มันได้โยนรถยนต์ขึ้นสู่อากาศดุจดั่งของเล่นเด็ก

และมันก็ได้พัดพาผนังกำแพงหรือหลังคาของอาคารต่างๆ และได้ไหลบ่าเข้าท่วมทุกอนูตารางนิ้วของพื้นที่อุทกภัยทุกๆ คนต่างดีใจที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ เพราะทุกๆ คนได้ย้ายออกจากพื้นที่อุทกภัย เมื่อได้รับการแจ้งเตือนเกี่ยวกับคลื่นยักษ์ซูนามิและตอนนี้ผู้คนก็สามารถซ่อมแซมอาคารบ้านเรือนของตนได้แล้ว ชีวิตของทุกๆ คนก็กลับเข้าสู่ปกติสุขอีกครั้ง

เป็นเรื่องที่ดี ที่เราจะได้ทราบว่า เหล่านักวิทยาศาสตร์แห่งศูนย์เตือนภัยคลื่นซูนามิต่างๆ ยังคงเฝ้าจับตาดู สัญญาณของการก่อตัวครั้งต่อไปของคลื่นยักษ์ซูนามิ เพื่อปกป้องทุกชีวิต ทั้งในวันนี้และในอนาคต


ผู้แปล : tongtatongjai
ขอบคุณ Pantip.com
กลับไปหน้า Web วัดท่าไทร
ไป Web สำนักงานเจ้าคณะภาค ๑๖

ไป Web ศูนย์พัฒนาคุณธรรมภาคใต้
ไป Web วิทยุชุมชนตำบลท่าทองใหม่
ไป Web ชมรมวีอาร์ร้อยเกาะสุราษฎร์ธานี