สัมปยุต - สัมผัส
สัมปยุต ประกอบด้วย;
สัมปยุตต์ ก็เขียน
สัมปโยค การประกอบกัน
สัมประหาร การสู้รบกัน,
การต่อสู้กัน
สัมปรายภพ ภพหน้า
สัมปรายิกัตถะ
ประโยชน์ภายหน้า, ประโยชน์ขั้นสูงขึ้นไป อันได้แก่ความมีจิตใจเจริญงอกงามด้วยคุณธรรมความดี
ทำให้ชีวิตนี้มีค่าและเป็นหลักประกันชีวิตในภพหน้า ซึ่งจะสำเร็จได้ด้วยธรรม
๔ ประการ คือ ๑. สัทธาสัมปทา ถึง
พร้อมด้วยศรัทธา ๒. สีลสัมปทา ถึงพร้อมด้วยศีล ๓. จาคสัมปทา
ถึงพร้อมด้วยการบริจาค ๔. ปัญญาสัมปทา ถึงพร้อม
ด้วยปัญญา ธรรม ๔ อย่างนี้เรียกเต็มว่า สัมปรายิกัตถสังวัตตนิกธรรม
สัมปหังสนา การทำให้ร่าเริง
หรือปลุกให้ร่าเริง คือ ทำบรรยากาศให้สนุกสดชื่นแจ่มใส เบิกบานใจ ให้ผู้ฟังแช่มชื่นมี
ความหวัง มองเห็นผลดีและทางสำเร็จ, เป็นลักษณะอย่างหนึ่งของการสอนที่ดีตามแนวพุทธจริย
(ข้อก่อนคือสมุตเตชนา)
สัมปัตตวิรัติ
ความเว้นจากวัตถุอันถึงเข้า, การเว้นเมื่อประสบซึ่งหน้าคือไม่ได้สมาทานศีล
หรือตั้งใจละเว้นมาก่อน
แต่เมื่อประสบเหตุอันจะทำให้ทำความชั่วหรือละเมิดศีลเข้าเฉพาะหน้า ก็ละเว้นได้ในขณะนั้นเอง
ไม่ล่วงละเมิดศีล
(ข้อ ๑ ในวิรัติ ๓)
สัมผัปปลาปะ พูดเพ้อเจ้อ,
พูดเหลวไหล, พูดไม่เป็นประโยชน์, ไม่มีเหตุผล,ไร้สาระ ไม่ถูกกาลถูกเวลา (ข้อ
๗ ใน
อกุศลกรรมบถ ๑๐)
สัมผัปปลาปา เวรมณี
เว้นจากพูดเพ้อเจ้อ, เว้นจากพูดเหลวไหลไม่เป็นประโยชน์, พูดคำจริง มีเหตุผล
มีประโยชน์
ถูกกาละเทศะ (ข้อ ๗ ในกุศลกรรมบถ ๑๐)
สัมผัส ความกระทบ,การถูกต้องที่ให้เกิดความรู้สึก,ความประจวบกันแห่งอายตนะภายใน
อายตนะภายนอกและ
วิญญาณ มี ๖ เริ่มแต่จักขุสัมผัส สัมผัสทางตา เป็นต้น จนถึง มโนสัมผัส
สัมผัสทางใจ (เรียงตามอายตนะภายใน ๖);
ผัสสะ ก็เรียก