สงฆ์จตุวรรค - สติ
สงฆ์จตุวรรค
สงฆ์พวก ๔ คือ มีภิกษุ ๔ รูปขึ้นไป จึงจะครบองค์กำหนด, สงฆ์จตุวรรค ก็เขียน
ดู วรรค
สงฆ์ทศวรรค
สงฆ์พวก ๑๐ คือ มีภิกษุ ๑๐ รูปขึ้นไป จึงจะครบองค์กำหนด ดู วรรค
สงฆ์ปัญจวรรค
สงฆ์พวก ๕ คือ มีภิกษุ ๕ รูปขึ้นไป จึงจะครบองค์กำหนด ดู วรรค
สงฆมณฑล หมู่พระ,
วงการพระ
สงฆ์วีสติวรรค
สงฆ์พวก ๒๐ คือ มีภิกษุ ๒๐ รูปขึ้นไป จึงจะครบองค์กำหนด ดู วรรค
สงสาร 1. การเวียนว่ายตายเกิด,
การเวียนตายเวียนเกิด 2. ในภาษาไทยมักหมายถึงรู้สึกในความเดือดร้อนหรือความ
ทุกข์ของผู้อื่น (= กรุณา)
สงสารทุกข์ ทุกข์ที่ต้องเวียนว่ายตายเกิด
สงสารวัฏฏ์ วังวนแห่งสงสาร
คือ ท่องเที่ยวเวียนว่ายตายเกิดอยู่ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
สงสารสาคร ห้วงน้ำคือการเวียนว่ายตายเกิด
สงสารสุทธิ ดู
สังสารสุทธิ
สจิตตกะ มีเจตนา,
เป็นไปโดยตั้งใจ, เป็นชื่อของอาบัติพวกหนึ่งที่เกิดขึ้นโดยสมุฏฐานมีเจตนา
คือ ต้องจงใจทำจึงจะ
ต้องอาบัตินั้น เช่น ภิกษุหลอนภิกษุให้กลัวผี ต้องปาจิตตีย์ ข้อนี้เป็นสจิตตกะ
คือตั้งใจหลอกจึงต้องปาจิตตีย์ แต่ถ้าไม่
ได้ตั้งใจจะหลอก ไม่ต้องอาบัติ
สญชัย ดู สัญชัย
สดัปกรณ์ เจ็ดคัมภีร์
หมายถึงคัมภีร์พระอภิธรรมทั้ง ๗ ในพระอภิธรรมปิฎก เขียนเต็มว่า สัตตัปปกรณ์
(ดู ในคำว่า
ไตรปิฎก) แต่ในภาษาไทยคำนี้มีความหมายกร่อนลงมา เป็นคำสำหรับใช้ในพิธีกรรม
เรียกกิริยาที่พระภิกษุกล่าวคำ
พิจารณาสังขารเมื่อจะชักผ้าบังสุกุลในพิธีศพเจ้านายว่าสดับปกรณ์ ตรงกับที่เรียกในพิธีศพทั่วๆ
ไปว่า บังสุกุล (ซึ่งก็
เป็นศัพท์ที่มีความหมายกร่อนเช่นเดียวกัน); ใช้เป็นคำนาม หมายถึง พิธีสวดมาติกาบังสุกุลในงานศพ
ปัจจุบันใช้
เฉพาะศพเจ้านาย
สติ ความระลึกได้,
นึกได้, ความไม่เผลอ, การคุมใจไว้กับกิจ หรือกุมจิตไว้กับสิ่งที่เกี่ยวข้อง,
จำการที่ทำและคำที่พูด
แล้ว แม้นานได้ (ข้อ ๑ ในธรรมมีอุปการะมาก ๒, ข้อ ๓ ในพละ ๕, ข้อ ๑ ในโพชฌงค์
๗, ข้อ ๖ ในสัทธรรม ๗, ข้อ
๙ ในนาถกรณธรรม ๑๐)