โลกธรรม - โลกาธิปไตย
โลกธรรม ธรรมที่มีประจำโลก,
ธรรมดาของโลก, ธรรมที่ครอบงำสัตวโลก และสัตวโลกก็เป็นไปตามมัน มี ๘ อย่าง
คือ มีลาภ ไม่มีลาภ มียศ ไม่มียศ นินทา สรรเสริญ สุข ทุกข์
โลกธาตุ แผ่นดิน;
จักวาลหนึ่งๆ
โลกนาถ ผู้เป็นที่พึ่งของโลก
หมายถึงพระพุทธเจ้า
โลกบาล ผู้คุ้มครองโลก,
ผู้เลี้ยงรักษาโลกให้ร่มเย็น, ท้าวโลกบาล ๔ ดู จาตุมหาราช
โลกบาลธรรม ธรรมคุ้มครองโลก
คือ ปกครองควบคุมใจมนุษย์ไว้ให้อยู่ในความดี มิให้ละเมิดศีลธรรม และให้อยู่กัน
ด้วยความเรียบร้อยสงบสุข ไม่เดือดร้อนสับสนวุ่นวาย มี ๒ คือ ๑. หิริ
ความอายบาป ละอายใจต่อการทำความชั่ว
๒. โอตตัปปะ ความกลัวบาปเกรงกลัวต่อความชั่วและผลของกรรมชั่ว
โลกวัชชะ อาบัติที่เป็นโทษทางโลกคือ
คนสามัญที่มิใช่ภิกษุทำเข้าก็เป็นความผิดความเสียหาย เช่น โจรกรรม ฆ่า
มนุษย์ ทุบตีกัน ด่ากัน เป็นต้น; บางทีว่าเป็นข้อเสียหายที่ชาวโลกเขาติเตียน
ถือว่าไม่เหมาะสมกับสมณะ เช่น ดื่มสุรา
เป็นต้น
โลกวิทู ทรงรู้แจ้งโลก
คือทรงรู้แจ้งสภาวะแห่งโลกคือสังขารทั้งหลาย ทรงทราบอัธยาศัยสันดานของสัตวโลกที่เป็น
ไปต่างๆ ทำให้ทรงบำเพ็ญพุทธกิจได้ผลดี (ข้อ ๕ ในพุทธคุณ ๙)
โลกัตถจริยา พระพุทธจริยาเพื่อประโยชน์แก่โลก,
ทรงประพฤติเป็นประโยชน์แก่โลก คือ ทรงอาศัยพระมหากรุณา
เสด็จไปประกาศพระศาสนาเพื่อประโยชน์สุขแก่มหาชนในถิ่นฐานแว่นแคว้นต่างๆ เป็นอันมาก
และประดิษฐาน
พระศาสนาไว้เพื่อประโยชน์สุขแก่ชุมชนภายหลังตลอดกาลนาน ดู พุทธจริยา
โลกาธิปเตยยะ
ดู โลกาธิปไตย
โลกาธิปไตย
ความถือโลกเป็นใหญ่ คือ ถือความนิยมหรือเสียงกล่าวว่าของชาวโลกเป็นสำคัญ หวั่นไหวไปตามเสียง
นินทาและสรรเสริญ จะทำอะไรก็มุ่งจะเอาใจหมู่ชน หาความนิยม ทำตามที่เขานิยมกัน
หรือคอยแต่หวั่นกลัวเสียง
กล่าวว่า, พึงใช้แต่ในทางดีหรือในของเขตที่เป็นความดี คือ เคารพเสียงหมู่ชน
(ข้อ ๒ ในอธิปไตย ๓)