อุปสัมปทาเปกขา - อุปัชฌายวัตร
อุปสัมปทาเปกขา
หญิงผู้เพ่งอุปสัมปทาคือผู้ขอบวชเป็นภิกษุณี
อุปสีวมาณพ ศิษย์คนหนึ่งในจำนวน
๑๖ คน ของพราหมณ์พาวรี ที่ไปทูลถามปัญหากะพระศาสดา ที่ปาสาณเจดีย์
อุปเสน วังคันตบุตร
พระมหาสาวกองค์หนึ่ง เป็นบุตรพราหมณ์ชื่อ วังคันตะ มารดาชื่อนางสารี เป็นน้องชายของพระ
สารีบุตร เกิดที่หมู่บ้านนาลกะ เติบโตขึ้น เรียนไตรเพทจบแล้วต่อมาได้ฟังธรรม
มีความเลื่อมใส จึงบวชในพระพุทธ
ศาสนา หลังจากบวชได้ ๒ พรรษา จึงได้สำเร็จพระอรหัต ท่านออกบวชจากตระกูลใหญ่
มีคนรู้จักมากและทั้งเป็นนัก
เทศก์ที่สามารถ จึงมีกุลบุตรเลื่อมใสมาขอบวชด้วยเป็นจำนวนมาก ตัวท่านเองเป็นผู้ถือธุดงค์
และสอนให้สัทธิวิหาริก
ถือธุดงค์ด้วย ปรากฏว่าทั้งตัวท่านและบริษัทของท่านเป็นที่เลื่อมใสของคนทั่วไปหมด
จึงได้รับยกย่องว่าเป็นเอตทัคคะ
ในทางทำให้เกิดความเลื่อมใสทั่วทุกด้าน (คือไม่เฉพาะตนเองน่าเลื่อมใส แม้คณะศิษย์ก็น่าเลื่อมใสไปหมด)
อุปหัจจปรินิพพายี
พระอนาคามีผู้จะปรินิพพานต่อเมื่ออายุพ้นกึ่งแล้ว คือจะปรินิพพาน เมื่อใกล้จะสิ้นอายุ
(ข้อ ๒ ใน
อนาคามี ๕)
อุปัชฌาย์, อุปัชฌายะ
ผู้เพ่งโทษน้อยใหญ่ หมายถึงผู้รับรองกุลบุตรเข้ารับการอุปสมบทในท่ามกลางภิกษุสงฆ์,
เป็น
ทั้งผู้นำเข้าหมู่ และเป็นผู้ปกครองคอยดูแลผิดและชอบ ทำหน้าที่ฝึกสอนอบรมให้การศึกษาต่อไป;
อุปัชฌาย์ในฝ่าย
ภิกษุณี เรียกว่า ปวัตตินี
อุปัชฌายมัตต์ ภิกษุผู้พอจะเป็นอุปัชฌาย์ได้
คือมีพรรษาครบ ๑๐, พระปูนอุปัชฌาย์
อุปัชฌายวัตร ธรรมเนียมหรือข้อปฏิบัติที่สัทธิวิหาริก
พึงกระทำต่ออุปัชฌาย์ของตน, หน้าที่ต่ออุปัชฌาย์โดยย่อคือ
เอาใจใส่ปรนนิบัติรับใช้ คอยศึกษาเล่าเรียนจากท่าน ขวนขวายป้องกันหรือระงับความเสื่อมเสีย
เช่นความคิดจะสึก
ความเห็นผิด เป็นต้น รักษาน้ำใจของท่าน มีความเคารพจะไปไหนบอกลาไม่เที่ยวตามอำเภอใจ
และเอาใจใส่
พยาบาลเมื่อท่านอาพาธ เทียบ สัทธิวิหาริกวัตร